เลขาฯ สมช. ย้ำระเบิด ร.ร.จชต.เป็นขบวนการชิงความได้เปรียบ ยันคุยใต้ รธน.ไทย ชี้ BRN แพร่คลิป หวังคำตอบหลังรอบแรกไร้ผล ยันต้องฟัง ปชช. เผย สตช.ตั้ง ตร.ชั้นผู้ใหญ่ทบทวนคดีมั่นคง คาดเร็วนี้ชัดเจนขึ้น ชี้ ผบ.ทบ.ยังไม่เสนอแนวคิดล้อมรั้วชายแดนใต้ แจง ตร.สงสัยระเบิดรามฯ แค่ข่าว ยันแค่ผู้ต้องสงสัย เผย ผบ.ตร.สั่งคุมเข้ม คาดบึ้มรามฯ เลยคิดกันเอี่ยวไฟใต้ ย้ำไม่ถึงขึ้น ผอ.ข่าวกรองฯ หนุนช่วย
วันนี้ (27 พ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงเหตุการณ์ระเบิดภายในโรงเรียนบ้านกะลาพอ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เมื่อช่วงเช้าวันที่ 27 พ.ค.ว่า เหตุที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคใต้ตอนนี้ยังขอยืนยันว่ามูลเหตุยังเกิดจาก 2-3 ประการ ทั้งจากขบวนการเอง และภัยแทรกซ้อน เพราะขณะนี้บรรยากาศในการพูดคุย ฝ่ายขบวนการพยายามใช้ทางเทคนิคเหมือนยกระดับเพื่อจะชิงความได้เปรียบ แต่ในเนื้อหายังไม่มีอะไรได้เปรียบ และเรายังยืนยันเรื่องการลดเหตุความรุนแรง ที่สำคัญเรายังพูดคุยกันในกรอบภายใต้รัฐธรรมนูญไทย
ส่วนคลิปวิดีโอของกลุ่มบีอาร์เอ็นที่มีการเผยแพร่เป็นครั้งที่ 2 นั้น พล.ท.ภราดรกล่าวว่า เป็นเทคนิคของเขา เหมือนกับตอนครั้งแรกที่เขาประสงค์ต้องการคำตอบ แต่พอยังไม่ได้รับคำตอบจึงสื่อสารมาอีกครั้งว่าต้องการคำตอบในสิ่งที่ถามมา แต่ในกระบวนการของเราถือว่าเราจะต้องลงไปพูดคุยกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลานานพอสมควร ขณะเดียวกัน เรายังยืนยันอยู่ในกรอบเป้าหมายของเราที่มุ่งให้เกิดสันติวิธี และอยู่ภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญไทย
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากกลุ่มบีอาร์เอ็นต้องการคำตอบในวันที่ 13 มิ.ย.เราจะมีท่าทีอย่างไร พล.ท.ภราดรกล่าวว่า คำตอบของเราคือเราอยู่ระหว่างดำเนินการอยู่ เรายืนยันว่าจะต้องฟังพี่น้องประชาชน
เลขาฯ สมช.ยังได้กล่าวถึงความคืบหน้าในเรื่องทบทวนหมายจับในคดีความมั่นคงที่ทางบีอาร์เอ็นเรียกร้องมาด้วยว่า ขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้แต่งตั้งนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ให้มาบูรณาการเพื่อสำรวจหมายในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นหมายของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ผู้กระทำผิดกฎหมาย ป.วิอาญา ผู้ฝ่าฝืน พ.ร.บ.ความมั่นคง และ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อมาตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างชัดเจนว่าหมายไหนจะมีการผ่อนผัน หรือให้มามอบตัวพูดคุยกันได้ คิดว่าเร็วๆ นี้จะได้คำตอบออกมาชัดเจนมากขึ้น
เมื่อถามถึงแนวคิดล้อมรั้วชายแดนภาคใต้ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เลขาฯ สมช.กล่าวว่า ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงของการเสนอแนะของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ ทางฝ่ายนโยบายยังไม่มีนโยบายอะไรออกไป ซึ่งทางฝั่งผู้ปฏิบัติอาจจะมีมุมมองของท่านและคงจะเสนอขึ้นมา
พล.ท.ภราดรยังกล่าวถึงเหตุระเบิดบริเวณปากซอยรามคำแหง 43/1 เมื่อช่วงค่ำวันที่ 26 พ.ค.ที่ผ่านมาว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสืบสวนสอบสวน แต่ยังไม่ได้ความกระจ่าง โดยจะดูในทุกประเด็น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัว ความขัดแย้ง หรือจะไปยึดโยงประเด็นไหนที่เกี่ยวข้อง เพราะว่าพยานหลักฐานยังขาดในเรื่องของตัวบุคคล ส่วนที่มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตัวบุคคลต้องสงสัยแล้วนั้นเป็นเพียงข่าว ในชั้นต้นยังเป็นเพียงผู้ต้องสงสัย แต่ยังไม่ได้มีการเชิญตัวมา
ผู้สื่อข่าวถามว่า กังวลหรือไม่ว่าจะมีเหตุการณ์ในลักษณะนี้ตามมาอีก พล.ท.ภราดรกล่าวว่า ในสถานการณ์ตอนนี้พอดีมีปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และ กทม.บางส่วนขึ้นมา เลยมีข้อกังวลใจขึ้นมา แต่ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้กำชับให้มีการรักษาความปลอดภัยในทุกพื้นที่ รวมทั้งพื้นที่ที่มีชาวต่างชาติอยู่เป็นจำนวนมากด้วย
เมื่อถามว่า สมช.ประเมินหรือไม่ว่ามีเหตุการณ์ดังกล่าวเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ พล.ท.ภราดรกล่าวว่า จากการดูรูปการณ์ในพื้นที่และสถานที่ที่เกิดเหตุดูแล้วไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยข้อเท็จจริงที่ปรากฏยังไม่ถึงขั้นนั้น ที่มีการพยายามเชื่อมโยงกันเพราะคนเห็นว่าเกิดเหตุในพื้นที่รามคำแหง
“พอเป็นพื้นที่รามคำแหง คนเลยจินตนาการกัน ขณะที่ระเบิดที่คนร้ายใช้แม้จะเป็นระเบิดแสวงเครื่องก็จริง แต่เทคนิคยังไม่ถึงขั้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งตอนนี้ยังไม่ได้จับใครเลย มีแต่ผู้ต้องสงสัย” เลขาฯ สมช.ระบุ
ด้านนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ กล่าวถึงเหตุระเบิดในย่านรามคำแหงเมื่อช่วงค่ำวันที่ 26 พฤษภาคมที่ผ่านมาว่า เรื่องดังกล่าวไม่มีความเกี่ยวโยงกับความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และไม่ใช่การก่อการร้าย ทั้งนี้ไม่อยากคาดการณ์ว่าเกิดขึ้นจากสาเหตุใด อย่างไรก็ตาม ตามหน่วยข่าวกรองกำลังทำการสืบสวนอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบอยู่ว่าเกิดขึ้นเพราะเหตุใด