xs
xsm
sm
md
lg

“ยิ่งลักษณ์” สั่งเน้นงานพัฒนาชายแดนใต้ “ภราดร” ปัดเหตุป่วนถี่ “บีอาร์เอ็น” หวังยกระดับ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) (ภาพจากแฟ้ม)
นายกฯ เรียกประชุม กปต.แก้ไฟใต้ เลขาฯ สมช.เผยติดตามโครงสร้างพื้นฐาน คมนาคม การศึกษา เน้นเรื่องงานพัฒนา เผยมีแผนสร้างโรงเรียนที่ถูกเผาใหม่ เมินถกบทวิเคราะห์ “เฉลิม” ปัดเหตุป่วนถี่หวังบีอาร์เอ็นยกระดับ บอกไม่ชัดเจนกลุ่มไหน ส่วนเพิกถอนหมายจับมีมอบตัวแค่หลักสิบ โยนให้ผู้มีอำนาจพิจารณา

วันนี้ (17 พ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 10.00 น.ได้มีการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายยุทธศาสตร์และแก้ไขปัญหาความไม่สงบจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กปต.) โดยมี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในที่ประชุม ร่วมด้วย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายยุทธศาสตร์ และยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.กปต.) นายจารุพงษ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ศึกษาธิการ นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ รมว.คมนาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ทร.) และ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นต้น

ภายหลังการประชุม พล.ท.ภราดร เปิดเผยว่า ที่ประชุมวันนี้มีหัวข้อพูดคุยในการติดตามโครงสร้างพื้นฐานของจังหวัดชายแดนภาคใต้ และการพัฒนาการศึกษา โดยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานนั้น เน้นในเรื่องของการคมนาคมเพื่อให้เกิดความสะดวกและความปลอดภัย ซึ่งกระทรวงคมนาคมรับไปปฏิบัติตามนโยบายแล้ว ส่วนเรื่องการพัฒนาการศึกษา ปลัดกระทรวงศึกษาได้ชี้แจงในโครงการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุดเมื่อนำไปสู่การศึกษาแล้วต้องนำไปสู่การจ้างงานได้และมีความเข้าใจของไทยพุทธและมุสลิมที่สามารถเรียนร่วมกันได้ รวมถึงการศึกษาสองภาษาคือไทย-มลายู และเพิ่มเติมภาษาอังกฤษ ซึ่งมีการเน้นให้เป็นรูปธรรม

ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้มีการหยิบยกถึงการดูแลพื้นที่ในช่วงเปิดภาคเรียนในที่ประชุมหรือไม่ พล.ท.ภราดร กล่าวว่า เรื่องนี้ ผบ.ทบ.ได้ชี้แจงว่ามาตรการรักษาความปลอดภัยของครู ตอนนี้เป็นไปอย่างเข้มข้นและได้ผลในความร่วมมือและหว่างสมาพันธ์ครูและหน่วยงานความมั่นคงอย่างเคร่งครัด ทำให้ผลการปฏิบัติการเป็นที่น่าพอใจ

เมื่อถามว่านายกฯได้กังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ใดเป็นพิเศษหรือไม่ พล.ท.ภราดร กล่าวว่า นายกฯ ไม่ได้กังวลสถานการณ์ เพียงแต่เน้นในเรื่องงานพัฒนาเป็นหลัก เพื่อให้เกิดการจ้างงาน ซึ่งได้มอบสภาพัฒน์ ร่วมกับ ศอ.บต.ไปจัดทำแผนงานจากนี้สองสัปดาห์ ให้เป็นรูปธรรมในการศึกษา และแผนงานโครงการต่างๆ รวมทั้งการพัฒนาต่างๆ ในการที่จะสร้างงานอนาคต ไม่ว่าจะเป็นมิติของอุตสาหกรรม สาธารณสุข การศึกษา และอื่นๆ

ผู้สื่อข่าวถามว่าที่ประชุมได้มีการพูดถึงการที่โรงเรียนถูกเผาและมีเสียงเรียกร้องให้สร้างใหม่อย่างไร พล.ท.ภราดร กล่าวว่า ตอนนี้มีแผนที่จะสร้าง และส่งเสริมพัฒนาโรงเรียนของรัฐ รวมถึงเอกชนที่ของบประมาณมา โดยจะเน้นการอำนวยความสะดวกในการมีหอพัก อาคารเอนกประสงค์ และเรือนการศึกษา

ผู้สื่อข่าวถามว่าที่ประชุมได้หยิบยกในเงื่อนไขบทวิเคราะห์ของ ร.ต.อ.เฉลิม ที่เรียกร้องในการพูดคุยสันติภาพครั้งต่อไปให้มาเลเซียไม่ยอมให้ผู้กระทำผิดเข้าประเทศหรือไม่ พล.ท.ภราดร กล่าวว่า ไม่ได้คุยในเรื่องนี้ โดยยังคงมอบให้ สมช.เป็นผู้รับผิดชอบอยู่

เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.ท.ภราดร ระบุวานนี้ (16 พ.ค.) ว่า เหตุผลที่เกิดเหตุรุนแรงในพื้นที่ช่วงนี้ เนื่องจากบีอาร์เอ็นต้องการยกระดับการพูดคุย พล.ท.ภราดร กล่าวว่า ทางทฤษฎี เมื่อจะมีการพูดคุย ก่อนนั้นฝ่ายที่จะพูดคุยผู้ก่อเหตุจำเป็นต้องทำให้สถานการณ์รุนแรงเพื่อเป็นข้อต่อรองในการพูดคุย ซึ่งตรงนี้จะเป็นรอยต่อของสถานการณ์อยู่ อย่างเหตุการณ์กราดยิง 6 ศพ ในร้านขายของชำที่ จ.ปัตตานี นั้นขณะนี้ก็ยังอยู่ในระหว่างการสืบสภาพ ยังไม่ชัดเจนว่าเป็นฝีมือกลุ่มขบวนการหรือจากเหตุอื่น จึงยังบอกไม่ได้ว่าสาเหตุมาจากการพูดคุยกับกลุ่มบีอาร์เอ็นหรือไม่ แต่ชี้ให้เห็นว่าเหตุแบบนี้เคยเกิดก่อนที่จะมีการพูดคุยมาแล้ว

เมื่อถามถึงความชัดเจนที่เคยระบุว่าเหตุการณ์ในภาคใต้ที่เกิดขึ้นช่วงเวลานี้ เนื่องจากกลุ่มบีอาร์เอ็นต้องการยกระดับการพูดคุย พล.ท.ภราดร กล่าวว่า หมายความว่าในทางทฤษฎีมองว่าก่อนที่จะมีการพูดคุยหรือเจรจา ฝ่ายที่จะพูดคุยหรือฝ่ายที่ก่อเหตุความรุนแรง จะต้องทำให้สถานการณ์เกิดความรุนแรงเพื่อใช้เป็นข้อต่อรองในการพูดคุย

ส่วนความคืบหน้ากรณีการเดินหน้าเพิกถอนหมายจับผู้กระทำผิดในพื้นที่กว่า 3,000 รายนั้น พล.ท.ภราดร กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้ติดต่อเข้ามามอบตัวมากขึ้นพอสมควร แต่จำนวนตัวเลขยังอยู่ที่หลักสิบราย ซึ่งจากนี้ก็จะทยอยมา ขณะเดียวกันสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้จัดผู้รับผิดชอบหลักเพื่อประสานบูรณาการหมายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ร.บ.ความมั่นคง ป.วิอาญา และของดีเอสไอ เพื่อมาดูรายละเอียด ซึ่งจะสามารถแยกแยะได้ว่าประเด็นไหนที่จะสามารถพูดคุยได้ หรือประเด็นไหนที่ต้องดำเนินการอย่างเข้มข้น โดยการพิจารณานั้นสามารถทำได้เลย ทั้งนี้อำนาจการยกเลิกต้องดูที่กระบวนการยุติธรรมว่าจะอยู่ในขั้นตอนของพนักงานสอบสวน หรืออัยการ ส่วนถ้าไปถึงศาลแล้วก็ต้องอยู่ที่ดุลยพินิจของผู้พิพากษา


กำลังโหลดความคิดเห็น