“เฉลิม” โบ้ยถาม “ประชา พรหมนอก” เหตุผลเด้ง “หมอพรทิพย์” เล็งขอนายกฯมาเป็นที่ปรึกษา ศปก.กปต.รับผิดชอบงานนิติวิทยาศาสตร์ภาคใต้ ขณะเดียวกัน เล็งประจานศาลไทย พิจารณาคดีไม่เป็นไปตามหลักสากลต่อยูเอ็น หวังยืมมือสหประชาชาติ ยุบทิ้งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
วันนี้ (22 พ.ค.) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.กปต.) กล่าวถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติโยกย้าย พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ จากผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ให้ไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง และตำแหน่งที่ปรึกษา กปต.ว่า เรื่องนี้ต้องไปสอบถาม พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ว่าเหตุผลในการย้ายเพราะอะไร เนื่องจากไม่ใช่หน้าที่ตน แต่หากนายกฯมอบหมาย ก็จะเชิญ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ มาเป็นที่ปรึกษา ศปก.กปต.รับผิดชอบงานด้านนิติวิทยาศาสตร์ และจะให้ลงพื้นที่ภาคใต้ไปช่วยกัน เพราะเป็นคนมีความสามารถ แต่ไม่ได้อยู่คณะทำงานเดียวกับของ นายประชา ประสพดี รมช.มหาดไทย ส่วนที่ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ ดูเหมือนไม่พอใจในการโยกย้ายครั้งนี้นั้น คงจะไปตอบแทนไม่ได้
ร.ต.อ.เฉลิม ยังได้กล่าวถึงกรณีที่ ครม.มอบหมายให้ปรับปรุงเนื้อหาในรายงานผลการดำเนินงานฉบับที่ 2 ที่จะต้องส่งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ประจำกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง หรือ ICCPR ขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ว่า ยูเอ็นจะถามทุกประเทศว่าแต่ละประเทศมีการพิจารณาคดีเป็นไปตามหลักสากลในข้อ 14 วรรค 5 หรือไม่ ส่วนตัวแม้จะไม่ได้เรียนจบจากต่างประเทศ แต่ก็มีความรู้ว่าไม่เป็นไปตามหลักสากล เพราะการพิจารณาคดีต้องใช้ 3 ศาล ยกเว้นคดียาเสพติด และการอุทธรณ์จะต้องอุทธรณ์ได้ทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย เช่นเดียวกับการให้เวลาอุทธรณ์เพียง 30 วันที่ไม่เพียงพอ
“ผมไม่ได้ก้าวก่ายศาล แต่ต้องปรับปรุงรายงาน และบอกกับชาวโลกว่าเมืองไทยยังไม่ได้เป็นอย่างนั้น เราต้องบอกเขาว่าเมืองไทยยังไม่ใช่ ยังมีศาลเดียวอยู่”
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าต้องการยกเลิกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่ขอพูดอย่างนั้น แต่จะบอกให้ ยูเอ็น ทราบว่าเมืองไทยไม่เป็นหลักสากลในการพิจารณาคดี ส่วนที่กระทรวงยุติธรรมระบุว่า จะพิจารณาภายใน 30 วันไม่ทันนั้นก็ให้เอามา ตนจะเขียนให้ ถ้ายังไม่เสร็จ เราก็ยังไม่รายงานไปว่าของเราเป็นไปตามหลักสากล เพราะยังไม่เป็นหลักสากล เรากำลังมีแนวคิด ถ้าเราทำเองจะถูกวิจารณ์ ดังนั้น ให้ ยูเอ็น รับรู้และช่วยคิดให้ด้วย
ผู้สื่อข่าวแย้งว่า แต่ศาลฎีกาฯเองมีการเปิดให้อุทธรณ์ได้ในข้อเท็จจริง ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า แต่ในทั่วโลกไม่มีแบบนี้ เรากำลังปรับสู่สากล ซึ่งการปรับปรุงรายงานเพื่อส่งให้ ยูเอ็น ก็ไม่หวังผลอะไร เพียงแต่ต้องการให้ทั่วโลกรู้ว่าที่คุณคิดว่าเมืองไทยเป็นสากลนั้นไม่ใช่
ส่วนจะทำให้ประเทศไทยภาพลักษณ์ไม่ดีหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า จะไปถูกมองอย่างไรเราเป็นสมาชิกของสหประชาชาติ ไม่มีใครว่าตนหรอก เมื่อถามย้ำว่า กังวลหรือไม่ว่าการทำแบบนี้สังคมจะไม่พอใจ รองนายกฯ กล่าวว่า สังคมที่ไหน ไม่มีหรอก ต้องเอาความเป็นจริง
