รองโฆษก ปชป.ร้องนายกฯ เลิกโชว์สองมาตรฐาน ชี้แดงโชว์กุ๊ยที่ใดก็ถือหางอ้างเสรีภาพ ทีกลุ่มอื่นแจ้งข้อหา บี้สั่ง “ปลอดประสพ” ขอโทษที่เปรียบ ปชช.เป็นขยะ ไล่ไปเช็กสมอง แนะนายกฯ จัดวอร์รูมเศรษฐกิจแก้ค่าครองชีพแพงทั้งแผ่นดินด่วน หลังทำงานคนละทาง และดูแลค่าเงินบาท “ชวนนท์” ยันพรรคค้านขึ้นแก๊สเอลพีจี ย้ำซ้ำเติม ปชช.
วันนี้ (15 พ.ค.) น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี และประธานกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ที่ประกาศว่าหากมีการชุมนุมประท้วงการประชุมผู้นำด้านน้ำ เอเชียแปซิฟิก ครั้งที่ 2 ที่ จ.เชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 14-20 พ.ค.นี้จะให้ตำรวจจับกุมไปดำเนินคดีทั้งหมด และเปรียบผู้ชุมนุมเป็นขยะว่า ขอเรียกร้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แสดงวิสัยทัศน์ความเป็นผู้นำ ไม่ใช่แสดงความเห็นเป็นสองมาตรฐานเกี่ยวกับการชุมนุมของประชาชน เพราะหากเป็นม็อบคนเสื้อแดงไม่ว่าจะชุมนุมที่ไหนของประเทศก็จะอ้างว่าเป็นสิทธิเสรีภาพ และการแสดงออกตามระบบประชาธิปไตย โดยมีการกำชับให้ตำรวจให้ความสะดวกและละเว้นที่จะปฏิบัติหน้าที่ควบคุมผู้ชุมนุม แต่กับผู้ชุมนุมที่เรียกร้องตามสิทธิกลับมีการเข้มงวด แจ้งข้อหา อาทิ ม็อบสวนยางที่สงขลา หรือม็อบชาวบ้านที่เชียงใหม่ ที่ปลอดออกมาข่มขู่คุกคาม จึงอยากให้นายกรัฐมนตรีออกมารับผิดชอบ เพราะนายปลอดประสพเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์
น.ส.มัลลิกากล่าวต่อว่า ขอให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์สั่งให้นายปลอดประสพออกมาขอโทษที่เปรียบประชาชนเป็นขยะ สะท้อนถึงแนวคิดดูถูกศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ถือเป็นการดูหมิ่นประชาชนซึ่งหน้า จึงขอแนะนำให้นายปลอดประสพไปโรงพยาบาลเพื่อเช็คสมอง เช็คร่างกายว่ามีสิ่งใดผิดเพี้ยนหรือผิดปรกติไปหรือไม่ เพราะหากผิดปรกติก็จะเป็นอันตรายและเป็นภัยต่อการบหริหารราชการ การใช้งบประมาณ การกำหนดนโยบาย และจะเป็นภัยต่อการประชุมประชุมผู้นำด้านน้ำเอเชียแปซิฟิกในภาพรวม เพราะน่าเป็นห่วงมากกับมุมมองของนายปลอดประสพที่แสดงออกเช่นนี้
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงกรณีปัญหาค่าครองชีพที่มีอัตราสูงขึ้น และส่งผลกระทบต่อผู้ปกครองในช่วงเปิดเทอมนั้นว่า ตนขอเรียกร้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการณ์ หรือประชุมวอร์รูมรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ทั้งรองนายกฯ ที่ดูแลด้านเศรษฐกิจ รัฐมนตรีคลัง พาณิชย์ คมนาคม และพลังงาน โดยต้องจัดประชุมอย่างเร่งด่วนเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาเชิงนโยบาย ไม่ใช่ปล่อยให้แต่ละกระทรวงทำงานกันคนละทิศละทางโดยที่ไม่มียุทธศาสตร์พยุงค่าครองชีพ หรือลดราคาสินค้า หามาตรการดูแลปัญหาค่าเงินบาทแข็งค่า ทบทวนค่าไฟฟ้า รวมทั้งทบทวนมาตรการที่เกี่ยวกับราคาน้ำมัน ซึ่งมีตัวอย่างชัดเจนจากราคาสินค้าต่างๆ ที่ถีบตัวขึ้นสูงในช่วง 2 ปีที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์บริหารประเทศ โดยเฉพาะช่วง 3 เดือนหลังที่สินค้าถีบตัวขึ้นสูง เช่น ราคาข้าวสารราคาสูงขึ้น 1% เครื่องดื่มเพิ่มขึ้น 4% ผักผลไม้เพิ่มขึ้น 13% อาหารสำเร็จรูปเพิ่มขึ้น 2% รวมทั้งราคาชุดนักเรียนก็มีราคาสูงขึ้นแตกต่างกันไปตั้งแต่ 15-30% ซึ่งตนอยากให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์นำข้อมูลนี้ไปประชุมปฏิบัติการเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน
ด้านนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า อยากให้รัฐบาลได้ทบทวนเรื่องราคาสินค้าที่ขยับตัวสูงขึ้นในขณะนี้ และขอย้ำว่าในเดือน มิ.ย.นี้ ราคาแก๊สเอลพีจีจะมีการปรับราคาสูงขึ้นกิโลกรัมละ 50 สตางค์ ต่อเนื่องเป็นเวลา 12 เดือน ซึ่งจะทำให้ 1 ปีข้างหน้าเรามีราคาแก๊งหุงต้มเพิ่มขึ้นจากถังละ 300 บาทเป็น 400 บาท ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ขอคัดค้านเรื่องนี้สุดตัว และขอให้รัฐบาลเร่งทบทวน เพราะเรื่องนี้จะเป็นปัจจัยที่จะทับถมปัญหาค่าครองชีพของประชาชน