ผ่าประเด็นร้อน
แน่นอนว่าไม่ใช่มีแค่การชุมนุมของกลุ่มชาวบ้านที่เดือดร้อนจากปัญหาที่ทำกินเรื่องโฉนดชุมชน ปัญหาจากการสร้างเขื่อนปากมูล ในนามของกลุ่มพีมูฟ ที่กำลังปักหลักทวงคำตอบและมาตรการแก้ปัญหาอยู่ทำเนียบรัฐบาลเท่านั้น ยังมีกลุ่มที่คัดค้านการบริหารจัดการน้ำของ รองนายกรัฐมนตรีปลอดประสพ สุรัสวดี ที่กำลังจัดประชุมผู้นำด้านการจัดการด้านน้ำจากนานาชาติที่เชียงใหม่ในเวลานี้เท่านั้น เพราะยังต้องมีกลุ่มชาวบ้านอื่นๆ ที่เดือดร้อนจากการบริหารงานอนห่วยแตกของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาประท้วงต่อต้านกลุ่มอื่นๆ อีกมากมาย
ต่อให้รัฐบาลมีมวลชนคนเสื้อแดงหนุนหลังปกป้องอย่างไรก็ตาม หรือมีพวกข้าราชการ มีตำรวจที่สอพลอมากแค่ไหนก็ตาม มันก็ “เอาไม่อยู่” หากตราบใดที่ยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการ บริหารความขัดแย้ง แก้ปัญหาปากท้องได้อย่างเป็นรูปธรรม ไม่ใช่แก้ปัญหาด้วยการปกปิด สร้างภาพทางการตลาดตบตาไปวันๆ อย่างที่เป็นอยู่ เพราะวิธีการดังกล่าวอาจใช้ได้ชั่วคราว แต่เมื่อเวลาผ่านไปความจริงก็จะปรากฏ ปิดกันไม่มิดอยู่แล้ว เหมือนกับที่เวลานี้สังคมเริ่มเห็นความจริงว่าแท้จริงแล้วฝีมือในการบริหารของเครือข่ายของทักษิณ ชินวัตร ที่มอบหมายผ่านมาทางคนในครอบครัววงในอย่างยิ่งลักษณ์นั้นเอาเข้าจริงแล้วไม่ได้ดีเด่วิเศษวิโสอะไรนักหนา ปีหนึ่งก็ผ่านมาแล้ว นี่กำลังจะผ่านปีที่ 2 ครั้นจะโทษพวกอำมาตย์แกล้ง อำนาจเก่าขัดขา ขืนอ้างแบบนั้นมันก็คงทุเรศเต็มทน
ไม่มีใครปฏิเสธว่าในปัจจุบันรัฐบาลยิ่งลักษณ์ยังสามารถครองใจคนเสื้อแดง และชาวบ้านระดับรากหญ้าในระดับสูง แต่ขณะเดียวกันก็มีความเป็นจริงอีกด้านหนึ่งเป็นความนิยมที่เริ่มลดลง ไม่หวือหวาแบบเดิม ในคนเสื้อแดงแน่นอนว่าระดับ “แกนนำ” ใครที่ยังสามารถเกาะเกี่ยวกับพวกที่มีตำแหน่งกลายพันธุ์เป็นอำมาตย์เป็นรัฐมนตรีคนพวกนี้ก็ย่อมอิ่มหมีพีมัน มีตำแหน่ง มีเงินเดือน สามารถไปต่อยอดสร้างรายได้เพิ่ม คนพวกนี้ย่อมมีความสุขอยู่กับรัฐบาล แต่ในความจริงที่น่าเจ็บปวดก็คือแดงไพร่ที่ต่ำติดดินคนพวกยังดำเนินชีวิตด้วยความยากลำบาก ยังอดมื้อกินมื้อเหมือนเดิม แต่ถึงอย่างไรคนพวกนี้ส่วนใหญ่ก็ยังรักยังเชื่อยังเคารพคนในครอบครัวชินวัตร เพราะผ่านการปลุกระดมล้างสมองป้อนข้อมูลมานานว่าสาเหตุที่ชีวิตเป็นแบบนี้เพราะพวกอำมาตย์ พวกแดงประเภทนี้ยังมีอีกมาก
อย่างไรก็ดี ไม่ว่าจะปลุกระดมฝังความเชื่อกันแบบสุดลิ่มแค่ไหนก็ตาม แต่ในโลกยุคใหม่ที่การสื่อสาร มีการบันทึกหลักฐาน คำพูด การกระทำมีการแชร์กันอย่างทั่วถึงและรวดเร็วในโลกออนไลน์ ที่สำคัญในความเป็นจริง จากปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านในเรื่อง “ปากท้อง” ที่ใกล้ตัวและสำคัญที่สุดกำลังประจานออกมาให้เห็นเรื่อยๆ
ไม่เชื่อก็ลองสำรวจราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่ทยอยกันปรับราคาขึ้นไปแล้ว โดยเฉพาะราคาสินค้าหมวดจำเป็นในชีวิต เช่น อาหาร เครื่องใช้ประจำวันในครัวเรือน ได้ปรับราคาขึ้นไปหมดแล้ว ซึ่งสินค้าพวกนี้เมื่อปรับขึ้นไปแล้วก็อย่าหวังว่าจะปรับลดลงมา นี่ยังไม่นับเอาเรื่องการปรับราคาก๊าซหุงต้มที่รัฐบาลกำลังจะปรับราคาขึ้นมาอีกในเร็วๆ นี้ก็ยิ่งไปกันใหญ่
แม้ว่าบรรดาลูกจ้าง ผู้มีรายได้น้อยทั้งหลายจะชื่นชอบกับการขึ้นค่าแรงวันละ 300 บาท แต่อีกด้านหนึ่งจากนโยบายดังกล่าวก็ทำให้บรรดาธุรกิจไม่น้อยกำลังมีปัญหาในเรื่องต้นทุนเพิ่ม มีผลกระทบเป็นลูกโซ่
อย่างไรก็ดี เมื่อปัญหาใกล้ตัวของชาวบ้านแก้ไขไม่ได้ หรือล้มเหลวยิ่งกว่ารัฐบาลก่อนที่เคยโจมตีก่อกวนมาก่อน แต่เมื่อถึงเวลาที่ตัวเองเข้ามาบริหาร มีอำนาจเต็มๆ ควบคุมได้ทุกอย่าง ทำได้แม้กระทั่งสั่งอันธพาลไปขู่ฝ่ายตรงข้ามไม่ให้คัดค้านรัฐบาล แต่ผ่านมาเกือบสองปีแล้วก็ยังไม่มีผลงานเพื่อชาวบ้านที่เด่นชัด มีแต่เรื่องผลประโยชน์ของคนในครอบครัวเท่านั้นที่เด่นชัด เอาจริงเอาจัง อย่างที่เห็นกันอยู่ก็คือ การเสนอกฎหมายเพื่อลบล้างความผิด และให้ทักษิณ ชินวัตร กลับมามีอำนาจเท่านั้น มีแต่เรื่องแบบนี้เท่านั้นจริงๆ ที่รัฐบาลชุดนี้กำลังทำงานอย่างเต็มที่
สิ่งที่พิสูจน์ได้เห็นชัดเจนว่า รัฐบาลยิ่่งลักษณ์ ไม่มีผลงาน ก็เห็นได้จากผ่านเวลาเกินกำหนดหนึ่งปีที่รัฐบาลต้องแถลงต่อสภา แต่นี่กำลังจะเข้าสองปีแลวรัฐบาลยังบ่ายเบี่ยงไม่ยอมแถลง อ้างโน่นอ้างนี่สารพัด อาจเป็นเพราะกลัว “โชว์โง่” กลางสภาก็ไม่น่าจะใช่เพราะมีคนเขียนสคริปต์ไว้ให้ หากกลัวขายหน้าก็ให้ท่องจำสักอาทิตย์ อ่านเสร็จก็ลุกหนีไปเลย อ้างมีภารกิจข้างนอกทุกอย่างก็จบ แต่ที่ไม่แถลงก็แสดงว่าไม่มีผลงานอะไรที่จะแถลง หรือยิ่งแถลงชี้แจงก็ยิ่งเป็นการเปิดประเด็นใหม่หรือเปล่า
ดังนั้น เมื่่อกาลเวลาผ่านไปมันก็จะฟ้องเปิดโปงทุกอย่างด้วยตัวของมันเอง แม้ว่าจะพยายามปิดบังข่มขู่คุกคามอย่างไรก็ไม่เป็นผล ความจริงมันก็ต้องเปิดเผยออกมาให้เห็นวันยังค่ำ เหมือนกับผลงานของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่กำลังเผยออกมาให้เห็น ขณะที่พี่ชาย คือ ทักษิณ ที่กำลังหากินกับหน้าฉากประชาธิปไตย แต่สิ่งที่กำลังทำอยู่ด้วยการปิดช่องทางประชาชนไม่ให้มีส่วนร่วมในการใช้สิทธิ์ ได้เห็นอาการคุกคามศาล ซึ่งอีกไม่นานก็จะได้เห็น “สันดาน” อื่นๆ ที่ซ่อนเอาไว้ออกมาให้เห็นอีก และในที่สุดสังคมก็จะเรียนรู้ด้วยตัวเอง แม้ว่าจะเจ็บปวดก็ตาม
ขณะเดียวกัน สำหรับยิ่งลักษณ์นับจากนี้เธอจะได้รับแรงกดดันมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างน้อยแค่เรื่องสติปัญญาความรู้รอบตัวทุกคำพูดของเธอจะยิ่งถูกจับจ้อง ที่สำคัญจะลอยตัว หรือวันๆ จะพูดเพียงแค่ว่า “บูรณาการ-ภาพรวม” หรือมอบหมายให้รัฐมนตรีคนนั้นคนนี้รับผิดชอบดูแลอย่างเดียวคงไม่ไหว ต้องตอบคำถามชี้แจงในภาพรวม เอ้ย ในรายละเอียดได้บ้าง!!