xs
xsm
sm
md
lg

“อภิสิทธิ์” ชี้เลือกตั้งซ่อม ส.ส.ดอนเมือง ส่งสัญญาณถึงรัฐบาล จี้ “ปู” บอก “ปลอด” หุบปาก!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร (ภาพจากแฟ้ม)
หน.ปชป.เผยเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ดอนเมือง สุดหิน เชื่อผลชนะเลือกตั้งซ่อม ส.ก. อีกทั้ง “แทนคุณ” ลงพื้นที่ทำ ปชป.ได้ ส.ส.เพิ่ม วอน ปชช.ใช้โอกาสนี้ส่งสัญญาณถึงรัฐบาล อีกด้านร้องนายกฯ ให้ “ปลอดประสพ” หุบปาก โชว์ความเป็นประชาธิปไตย ยันเดินหน้าเวทีผ่าความจริงต่อ แม้เสื้อแดงประกาศขวาง

วันนี้ (14 พ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงผลการประชุมกรรมการบริหารพรรค ที่มีมติส่ง นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ลงสมัครรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขตดอนเมือง นั้นว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ยากที่สุดพื้นที่หนึ่งในกรุงเทพฯ สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ แต่ก็มี 2 ประเด็นที่เราตั้งความหวังไว้ คือ 1.เราเพิ่งชนะเลือกตั้งซ่อม ส.ก.ในพื้นที่มาเมื่อไม่นานนี้ และ 2.นายแทนคุณก็ได้พิสูจน์ถึงความทุ่มเทในการทำงานในพื้นที่ดอนเมือง แม้ว่าพ่ายแพ้ในครั้งที่แล้ว แต่ว่าครั้งนี้ก็ยังเดินหน้าทำงานเต็มที่ ลงพื้นที่มาโดยตลอด และโดยลักษณะของนายแทนคุณแล้ว ก็เป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ที่ตั้งใจมาทำงานการเมืองบนแนวใหม่ ใสสะอาด ซึ่งในส่วนของพรรคก็จะระดมสรรพกำลังโดยเฉพาะ ส.ส.และบุคลากรของพรรคลงไปช่วยหาเสียงเต็มที่

ส่วนปัจจัยที่จะเป็นตัวชี้วัดในการเลือกตั้งครั้งนี้นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราคงพูดยังไม่ได้ เพราะไม่ทราบว่ากว่าจะถึงวันเลือกตั้ง สถานการณ์การเมือง หรือว่าการแข่งขันจะเป็นในลักษณะใด แต่ก็หวังว่าการเลือกตั้งซ่อมทุกครั้งประชาชนจะถือเป็นโอกาสส่งสัญญาณถึงรัฐบาล เพราะขณะนี้ประชาชนที่เดือดร้อนจากเรื่องปัญหาข้าวของแพง หรือคนที่เห็นว่าการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลนั้นยังจะต้องปรับปรุงได้อีก วิธีการหนึ่งที่จะเป็นการสื่อถึงรัฐบาลได้ ก็คือในกระบวนการการเลือกตั้งซ่อม ที่จะถูกใช้เหมือนกับเป็นปรอทวัดอุณหภูมิว่า ความพึงพอใจของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลมีมากน้อยแค่ไหน ส่วนในเรื่องความปลอดภัยของผู้สมัครนั้น ตนก็รู้สึกเป็นห่วง จึงอยากให้การเลือกตั้งครั้งนี้ต้องช่วยกันทำให้ปลอดจากสิ่งเหล่านี้ และอยากย้ำทุกฝ่ายให้ระมัดระวัง และอดกลั้น โดยเฉพาะ 2 พรรคการเมืองใหญ่ก็มีหน้าที่ในการประคับประคอง ระบอบประชาธิปไตยด้วยกัน ไม่ควรจะปล่อยให้ความรุนแรงเกิดขึ้น

ส่วนเรื่องผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยที่มีชื่อ นายยุรนันท์ ภมรมนตรี ซึ่งเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อเพิ่มเข้ามาในแคนดิเดตด้วยนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การลาออกจาก ส.ส.บัญชีรายชื่อแล้วมาลงสมัครเลือกตั้งซ่อมนั้น ก็เป็นสิทธิ์ที่ทำได้ ไม่ได้มีความเสียหายอะไร แต่ทั้งหมดก็ยังไม่ทราบว่าจะเป็นอย่างไร และตนก็ไม่ไปก้าวก่ายเรื่องของพรรคเพื่อไทย ก็เป็นดุลยพินิจของเขาว่าเขาคิดจะส่งใครที่เหมาะสม

นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงกรณีนายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ข่มขู่จับหากมีผู้มาชุมนุมระหว่างที่มีการประชุมผู้นำด้านน้ำเอเชีย-แปซิฟิก ครั้งที่ 2 ที่จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมทั้งเปรียบว่าเป็นขยะนั้น ว่า ตนไม่เข้าใจจริงๆ ว่า คนที่เป็นถึงรองนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือมาจากพรรคการเมืองซึ่งมักจะอวดอ้างว่า เป็นตัวแทนประชาธิปไตย และนายกรัฐมนตรีเองก็เพิ่งไปปราศรัยในเวทีระหว่างประเทศอวดอ้างถึงความเป็นตัวแทนประชาธิปไตย แต่ไม่เข้าใจว่าการใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญจริงๆ และมองว่าการไปชุมนุมโดยสงบนั้นกลายเป็นสิ่งที่จะต้องถูกประณาม ถูกข่มขู่จากผู้มีอำนาจ และที่สุดแล้วมันก็จะวัดว่าใครเป็นประชาธิปไตยหรือไม่ก็ต้องดูที่พฤติกรรมตรงนี้ ส่วนที่อ้างว่าไม่มีที่จะให้ชุมนุม มีแต่จะจับใส่คุกอะไรนั้น ก็ต้องดูว่าเขาทำผิดกฎหมายหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตามตนเห็นว่าไม่สมควรที่จะเป็นคำพูดออกมาจากรองนายกฯ ซึ่งตนก็อยากถามว่า ถ้านายกรัฐมนตรีมีความเป็นประชาธิปไตยจริง จะออกมาส่งสัญญาณว่า จริงๆ แล้วสิ่งที่นายปลอดประสพพูดนั้นไม่ถูกต้อง แล้วก็ต้องมาปรามคนในรัฐบาลไม่ให้พูดอย่างนี้

ส่วนการจัดเวทีผ่าความจริงของพรรคประชาธิปัตย์ ที่มักจะมีกลุ่มคนเสื้อแดงออกมาขัดขวางนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่เฉพาะในส่วนของเวทีผ่าความจริง แต่ทุกคนเห็นกันอยู่ชัดๆ ทั้งการชุมนุมที่ศาลรัฐธรรมนูญ ที่มีการพูดชัดเจนว่าเป็นการข่มขู่ ผิดกฎหมาย และในที่สุดก็มีการแจ้งความ แต่กรณีเช่นนั้นทำไมนายกรัฐมนตรีถึงบอกว่าเป็นสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญได้ ส่วนที่มีการขัดขวางเวทีผ่าความจริงก็มีการแจ้งความไปแล้ว ส่วนการจัดเวทีผ่าความจริงครั้งต่อไปที่คนเสื้อแดงประกาศเตรียมพร้อมแล้วนั้น พรรคประชาธิปัตย์ก็ทำกิจกรรมตามปกติ แต่เมื่อมีกลุ่มที่ไม่เป็นประชาธิปไตยมาขัดขวาง ถ้าทำผิดกฎหมายก็อยากให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการ ซึ่งความจริงการประสานงานในพื้นที่กับเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น ในระยะหลังก็ดูจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อยเป็นส่วนใหญ่

“แต่สภาพที่แท้จริงที่ผมคิดว่ามันแก้ได้ก็คือฝ่ายการเมือง ซึ่งจนถึงทุกวันนี้ นายกรัฐมนตรีก็ยังทำตัวเป็นคนปากว่าตาขยิบ ไปพูดที่ไหนนั้นก็เหมือนกับว่าต้องการสนับสนุนประชาธิปไตย แต่พฤติกรรมอย่างนี้ถ้าท่านไม่เข้าใจว่ามันเป็นพฤติกรรมซึ่งขัดต่อหลักการประชาธิปไตยอย่างไร ก็คงจะป่วยการแล้วที่จะไปพูดหรือให้ท่านพูดเรื่องประชาธิปไตยต่อไป” นายอภิสิทธิ์ กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น