แกนนำชาติพัฒนา พา “ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์” เข้าพบ “ปู” รายงานหาเสียงชิงตำแหน่งยูนิโด แหล่งข่าวเผยพบ “แซม ยุรนันท์” นั่งในทำเนียบ ก่อนจ้ำอ้าวไปพรรคเพื่อไทย เปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ดอนเมือง จากนั้นเปิดงานสร้างสังคมคนดี เผยเปิดโอกาสผู้พิการดำรงชีวิตได้ในสังคม ก่อนขึ้นตึกนักข่าวซักปรับ ครม.เจ้าตัวงงบอกไม่จริง
วันนี้ (14 พ.ค.) ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 13.00 น.ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ แกนนำพรรคชาติพัฒนา ได้เข้าพบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อนำ ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์ อดีต รมว.อุตสาหกรรม ขอบคุณนายกรัฐมนตรี พร้อมกับรายงานถึงความคืบหน้าในการหาเสียงรับสมัครการเลือกตั้งในตำแหน่ง ในนามรัฐบาลไทย เพื่อเป็นผู้อำนวยการใหญ่ของสำนักเลขาธิการขององค์การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูนิโด
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลรายงานว่า ขณะที่นายสุวัจน์เข้าพบนายกรัฐมนตรีอยู่นั้น พบว่า นายยุรนันท์ ภมรมนตรี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้นั่งอยู่ภายในตึกไทยคู่ฟ้า หลังจากนั้นเวลาประมาณ 14.00 น.นายยุรนันท์ ได้เดินทางออกจากตึกไทยคู่ฟ้า และเดินทางไปยังพรรคเพื่อไทยทันที เพื่อเปิดตัวลงสมัครรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม. เขต 12 ดอนเมือง แทนตำแหน่งที่ว่าง
จากนั้นเวลา 14.30 น.ที่ตึกสันติไมตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ “สร้างสังคมดีปราศจากอุปสรรคพร้อมรับประชาคมอาเซียน” และเป็นประธานพิธีลงนามข้อตกลง (MOU) ระหว่างหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง 11 หน่วย พร้อมกับกล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่า รัฐบาลได้กำหนดลดความเหลื่อมล้ำเป็นยุทธศาสตร์หนึ่งของประเทศ เพราะเชื่อมั่นว่าการพัฒนาประเทศให้เจริญขึ้นต้องอาศัยพื้นฐานของความเสมอภาค และความเท่าเทียมกันทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง รวมถึงการสนับสนุนให้ผู้ที่มีข้อจำกัดโดยเฉพาะด้านสังคมนั้นจะต้องมีความเสมอภาคอย่างเท่าเทียมกัน เช่น กลุ่มคนพิการ ผู้สูงอายุ สตรีมีครรภ์ จะต้องใช้ชีวิตในสังคมเช่นเดียวกับคนปกติได้ ซึ่งแนวทางการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการที่ผ่านมา เราได้มีแนวคิดที่สงเคราะห์และฟื้นฟู โดยเปิดโอกาสให้ผู้พิการมีส่วนร่วมในการคิดพิจารณาถึงปัญหาและการแก้ปัญหาเพื่อแก้ไขได้อย่างตรงจุด
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวอีกว่า การพัฒนาอารยะสถาปัตย์ เป็นสิ่งที่เริ่มต้นที่จะทำให้ผู้พิการสามารถดำรงชีวิตได้อย่างเช่นคนปกติ รัฐบาลขอแสดงความจริงใจที่จะประกาศเอาชนะความไม่เท่าเทียม ความไม่เสมอภาคที่มีอยู่ในสังคม โดยผู้พิการไม่ใช่ภาระในสังคม แต่เป็นพลังที่สำคัญ และมีศักยภาพไม่แพ้คนทั่วไป ทั้งนี้รัฐบาลได้กำหนดแนวทางการดำเนินงาน 8 ประการ คือ 1.การส่งเสริมการเข้าถึงสิทธิอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกัน โดยไม่เลือกปฏิบัติ 2.จัดบริการตอบสนองให้แก่ผู้พิการทั้งทางภาครัฐในด้านต่างๆ ทั้งด้านการศึกษา สาธารณสุข และความยุติธรรม 3.สร้างอาชีพ 4.สนับสนุนด้านกีฬาและการท่องเที่ยว 5.สร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการดำรงชีวิต 6.พัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ 7.ปรับปรุงฐานข้อมูลผู้พิการ เพื่อแก้ไขปัญหาให้ถูกจุด และ 8.สนับสนุนการวิจัยสาเหตุของความพิการในแต่ละประเภท
การลงนามในวันนี้ เพื่อสนับสนุนให้มาตรการดังกล่าวขยายผลไปสู่ทุกภาคส่วนราชการทั้งส่วนกลาง ภูมิภาค และท้องถิ่น รวมไปถึงภาคเอกชน ซึ่งถือเป็นการเปิดหน้าประวัติศาสตร์งานด้านคนพิการในประเทศไทย และแสดงถึงเจตนารมณ์อันแน่วแน่ที่จะขจัดอุปสรรคในการใช้ชีวิตของคนพิการ ขอให้การดำเนินโครงการดังกล่าวไม่เป็นเพียงคำพูดขอให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกันดำเนินการอย่างจริงจังให้เกิดเป็นรูปธรรม เพื่อคนพิการทุกคน พร้อมช่วยกันขับเคลื่อนสังคมไทยให้เดินหน้าไปอย่างเท่าเทียมและยั่งยืนต่อไป
หลังจากนั้น นายกฯ ได้เดินเยี่ยมชมนิทรรศการและนวัตกรรมของหน่วยงาน องค์กร สถาบันการศึกษา และบริษัทต่างๆ การจัดสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการภายในตึกสันติไมตรี และปล่อยขบวนสายตรวจสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการ ทั้งนี้นายกฯได้ไปทดสอบทางลาดสำหรับผู้พิการบริเวณหน้าตึกไทยคู่ฟ้า โดยนายกฯ กล่าวว่า สำหรับงบประมาณที่จะนำมาทำขาเทียมนั้นจะเป็นในส่วนของภาครัฐ และจะมีการขอความร่วมมือจากเอกชนด้วย
หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจ และนายกฯ กำลังจะเดินขึ้นตึกไทยคู่นั้น ผู้สื่อข่าวพยายามถามถึงกรณีกระแสข่าวการปรับ ครม.ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ทำสีหน้างุนงง พร้อมกับยกมือทำท่าปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง และเดินขึ้นไปยังห้องทำงานทันที