นายกฯ อุบวิจารณ์ “แบงก์ชาติ” อ้างแทรกแซงการทำงานไม่ได้ มอบ “กิตติรัตน์” ถก-โยน “กนง.” แก้บาทแข็ง อีกด้านทำห่วงแดงยกระดับไล่ตุลาการ รธน. ฝาก “เฉลิม” ช่วยดูแล ส่งสัญญาณ “อนุดิษฐ์” ฟันเว็บด่านายกฯ อ้างไม่ใช่ทำเพื่อตัวเอง ไปหมดสมงสมองบอกสปีชฉาวอยากให้เป็นอุทาหรณ์ ใช้หนังหน้าการันตี “ความจริงคือความจริง”
วันนี้ (7 พ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 13.10 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์โดยรวมของค่าเงินบาทว่า นายกิติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้รายงานเรื่องผลกระทบและความห่วงใยให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบ ซึ่งจะให้นายกิตติรัตน์ประสานงาน เรื่องของนโยบายการเงินการคลังร่วมกัน โดยในส่วนของการคลังจะให้ประสานงานกับกระทรวงที่เกี่ยวข้อง และรวบรวมมาตรการที่เราได้แก้ไขไปแล้ว พร้อมดูว่ามีกรณีไหนอีกที่จะต้องเร่งในการช่วยเหลือแก้ปัญหาเรื่องค่าเงินบาทที่แข็งค่า ส่วนมาตรการทางการเงินคงต้องประสานไปยังผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯ จะบูรณาการท่าทีของผู้ว่าฯธปท.อย่างไร ซึ่งดูจะแข็ง ไม่ค่อยสนองนโยบายรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า เราต้องพยายามอย่างเต็มที่ ซึ่งจริงๆแล้วในส่วนของข้อกฎหมายให้ความอิสระกับ ธปท. ที่จะตัดสินใจในวิธีการ แต่ในฐานะรัฐมนตรีคลังคงจะมีหน้าที่เรื่องการมอบนโยบายอย่างเดียว คงจะเป็นการประสานในเชิงพูดคุย ทั้งนี้คงต้องอยู่ที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่จะเป็นผู้พิจารณาร่วมกับทางผู้ว่าฯ ธปท. ขณะเดียวกัน เราจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ในส่วนของรัฐบาลที่จะให้ความช่วยเหลือ แต่อย่างไรก็ตาม ต้องบอกว่าการแก้ปัญหาเศรษฐกิจต้องแก้เป็นองค์รวม ในการทำงานคงจะใช้ลักษณะการพูดคุยได้อย่างเดียว เพราะเชิงข้อกฎหมายไม่เอื้ออำนวยให้เราเข้าไปทำงานได้
เมื่อถามว่า ปัจจุบันรัฐบาลพอใจการทำงานของผู้ว่าฯ ธปท. หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ขออนุญาตไม่วิพากษ์วิจารณ์ เพราะจริงๆ แล้วเราไม่สามารถที่จะเข้าไปแทรกแซงได้ แต่เรามีหน้าที่ในการร่วมกันประเมินและพูดคุยถึงผลกระทบ โดยนายกิตติรัตน์จะเป็นผู้ประสานหารือแก้ปัญหาทางมาตการการเงินการคลังคู่กัน ขอเรียนว่าถ้าทั้งสองส่วนนี้ทำงานอย่างเต็มที่ก็จะได้แก้ปัญหา ดังนั้นต้องขอความร่วมมือ ซึ่งวันนี้เราเห็นอยู่แล้วว่าปัญหาต่างๆในส่วนของผลกระทบเริ่มมีเข้ามาแล้ว และในส่วนของภาครัฐได้ทำอย่างเต็มที่ในการลงไปช่วยเหลือ ซึ่งได้สั่งการกระทรวงที่เกี่ยวข้องแล้ว คงจะมีการรายงานทุกๆสัปดาห์
ส่วนการแต่งตั้งนายวิม รุ่งวัฒนจินดา เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มาทำหน้าที่ประสานเผยแพร่ข้อมูลด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า นายวิมจะมาช่วยทางด้านสำนักโฆษกในการประสานงานให้ข้อมูลด้านเศรษฐกิจเพิ่มเติม เพราะวันนี้ไม่มีใครช่วยบูรณาการในการส่งข่าวหรือข้อมูลต่างๆ ให้แก่สื่อมวลชน ซึ่งที่ผ่านมานายกิตติรัตน์เป็นผู้ให้ข่าวเองอยู่แล้ว แต่นายวิมมีหน้าที่ประสานเรื่องเนื้อหารายละเอียดของข่าวเพื่อให้เข้าถึงข้อมูลข่าวสารต่างๆ
เมื่อถามว่า รัฐบาลมองว่าเวลานี้ผู้ว่าฯ ธปท.เป็นอุปสรรคในการแก้ปัญหาค่าเงินบาทหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ขออนุญาตบอกว่าในส่วนของผู้ว่าฯ ธปท.เป็นเรื่องของโครงสร้างที่ไม่สามารถลงไปนั่งคุยกันถึงรายละเอียดในการปฎิบัติได้ อาจจะต้องใช้วิธีการพูดคุยกันและการตัดสินใจคงต้องเป็นเรื่องของคณะกรรมการ กนง.อีกครั้ง
น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงยกระดับการเคลื่อนไหวล่ารายชื่อขับไล่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญว่า ขอเรียนว่าเป็นห่วงสถานการณ์การเมืองในประเทศ คงต้องขอความร่วมมือในการชุมนุมอย่างสงบ เพราะเราเองก็ห่วงเรื่องความมั่นคง ซึ่งได้ฝากทางด้านฝ่ายความมั่นคงภายใต้การดูแลของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ไปดูแลหารือในส่วนการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ในการดูแลให้ความปลอดภัยกับพี่น้องประชาชน และขอความร่วมมืออย่าให้การจราจรต่างๆ ติดขัดและการเรียกร้องต่างๆ ขอให้เป็นไปโดยสงบ
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ออกมาระบุใครโพสต์ข้อความหมิ่นประมาทนายกรัฐมนตรีจะดำเนินคดีทางกฎหมายและปิดเว็บนั้นๆ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ขอเรียนว่าเพิ่งจะทราบข่าวและจากข่าวขอเรียนว่าการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนโนบายต่างๆ ของรัฐบาลถือเป็นสิทธิเสรีภาพที่ควรทำได้ แต่การกล่าวหาใครคนใดคนหนึ่งที่ค่อนข้างจะเกินเลยความเป็นจริงนั้นก็เป็นหน้าที่ของกระทรวงไอซีทีที่จะดูแล แต่ต้องเรียนว่าไม่ใช่เพื่อตนคนเดียว ทุกคนตามสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล ต้องยึดหลักตรงนี้ ขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามกติกา
เมื่อถามว่ามีการประเมินหรือไม่หลังจากไปพูดในเวทีประชาธิปไตยที่ประเทศมองโกเลีย เป็นผลบวกหรือผลลบต่อนายกฯ และประเทศ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า การไปชี้แจงตนเองพูดตามความจริง และเราอยากให้เป็นอุทาหรณ์เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก ถ้าฟังดีๆ ไม่มีเจตนาใดๆ เจตนาจริงๆ อยากให้ทุกอย่างเป็นอุทาหรณ์ไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก เพราะจากเหตุการณ์ที่ผ่านมาประเทศเราเสียหายไปเยอะ เราน่าจะมาร่วมในการช่วยกันแก้ไขปัญหาให้เดินหน้าต่อไป เมื่อถามว่า นายกฯ เจตนาพูดให้เป็นอุทาหรณ์แต่กลับกลายเป็นผลลบกับตัวนายกฯเอง รู้สึกเข็ดหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า “ดิฉันยืนยันทุกอย่างถ้าเป็นความจริง ทุกอย่างก็คือความจริง ก็เรียนว่าความจริงคือความจริง แต่ถ้าเราเอาความจริงนั้นมาเป็นบทเรียน เพื่อไม่ให้เกิดขึ้นอีก ดิฉันว่าน่าจะดีกว่าการที่เราหลีกเลี่ยงความเป็นจริง”