xs
xsm
sm
md
lg

“ส.อ.ท.” เกรงวิกฤตบาทแข็งลามกระทบส่งออกทั้งระบบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เข้าพบน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี (ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ก Yingluck Shinawatra)
ส.อ.ท.กังวลวิกฤตบาทแข็งลามกระทบภาคส่งออกทั้งระบบ ตั้งแต่เอสเอ็มอีถึงรายใหญ่ ประกาศหากในอีก 2-3 สัปดาห์ข้างหน้ายังไม่มีมาตรการใดๆ ออกมาเตรียมเคลื่อนไหวอีกครั้ง ระบุบาทแข็งมา 4 เดือน ผู้ประกอบการเสียหายนับ 3 แสนล้านบาท

นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวภายหลังเข้าพบนายกรัฐมนตรีว่า การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจโดยเฉพาะอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทที่แข็งค่าคงต้องผสมผสานและดูในหลายมิติ ซึ่งคิดว่าข้อเสนอของ ส.อ.ท.เป็นข้อเสนอที่เหมาะสมควรนำไปพิจารณาปฏิบัติอย่างยิ่ง

ทั้งนี้ ส.อ.ท.กังวลว่า ในช่วงไตรมาส 2 ไตรมาส 3 ผู้ประกอบการจะได้รับผลกระทบ และลามไปทั้งระบบตั้งแต่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมาจนถึงผู้ประกอบการรายใหญ่ กระทบให้ยอดขายภาคอุตสาหกรรมส่งออกตกลง ขณะเดียวกันเวลานี้เกิดปรากฏการณ์สั่งของจากต่างประเทศมาขายในเมืองไทยมากขึ้น

“ฝ่ายบริหารต้องบริหารแบบเป็นภาวะวิกฤต ซึ่งค่าเงินบาทจะได้รับผลกระทบอีกไตรมาสหรือสองไตรมาสข้างหน้าอย่างแน่นอน จะเห็นได้ว่าประเทศอื่น โดยเฉพาะโซนยุโรปลดดอกเบี้ยแล้ว ซึ่งเวลานี้เป้าส่งออกที่เคยตั้งไว้ 8-9% ในปีนี้คงไม่เป็นไปตามนั้น และคิดว่าเหตุการณ์คงจะหนักกว่านี้และจะเห็นผลใน 2-3 เดือนข้างหน้า เพราะสินค้าเรามีคู่แข่ง แต่เราไม่ย่อท้อในการแก้ไข เราเป็นประเทศเล็กต้องบริหารจัดการให้เหมาะสม โดยวันนี้ได้เรียนนายกฯ การบริหารจัดการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องบูรณาการกัน ดูภาคผลกระทบหากแต่ละหน่วยงานดูแลเฉพาะเรื่องของตัวเองอย่างเดียวโดยไม่ดูแลเรื่องของคนอื่นมันก็ไม่ถูก ต้องดูภาพรวมด้วย และบางมาตรการต้องรวมมือผสมผสานกันโดยเฉพาะกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย” นายพยุงศักดิ์กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า การมาพบนายกฯ อยากเห็นการแก้ไขปัญหาเร็วแค่ไหน นายพยุงศักดิ์กล่าวว่า ต้องเห็นผลเร็วที่สุด ซึ่งคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ควรจะประชุมกันให้บ่อยขึ้นกว่าเดิมเพื่อบริหารการเงิน การคลังให้ทันเหตุการณ์ และหามาตรการแก้ไขปัญหา ไม่ใช่รอให้เกิดเรื่องแล้วค่อยแก้ไข หาก 1-2 สัปดาห์นี้ยังไม่มีมาตรการในการแก้ไขปัญหา ทางสภา ส.อ.ท.คงจะต้องไปหารือกับสมาชิกอีกครั้งเพื่อกำหนดการเคลื่อนไหวต่อไป ปกติถ้าเรื่องไม่ใหญ่ ไม่หนัก จะไม่มาพบนายกฯ เอกชนจะพยายามแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่โตมหาศาล เป็นวาระของชาติ มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างแรง

“จากค่าเงินที่แข็งตัว ขณะนี้ 4 เดือนเราขาดดุลอยู่ประมาณ 10,000 ล้านเหรียญ คิดเป็นเงินกว่า 300,000 บาท วันนี้ภาคอุตสาหกรรมหลายส่วน ทั้งอุตสาหกรรมยานยนต์ และสิ่งทอ เริ่มหันไปนำเข้าสินค้าที่เป็นชิ้นส่วนในต่างประเทศเพื่อลดต้นทุนในการผลิต หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ จะกระทบต่ออุตสาหกรรม Supply chain หรือโซ่อุปทานของไทยได้ ระบบผู้ลิตทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ ที่ไทยแข็งแกร่งจะพังไปด้วย” นายพยุงศักดิ์กล่าว

ทั้งนี้ กนง.มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.75% เป็นครั้งที่ 4 ติดต่อกัน แล้วในการประชุมครั้งหลังสุดเมื่อ 3 เม.ย.ที่ผ่านมา ท่ามกลางแรงกดดันจากรัฐบาล ที่ต้องการให้ลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อลดความร้อนแรงของเงินทุนไหลเข้าจากต่างประเทศ

กนง.จะประชุมครั้งถัดไป ในวันที่ 29 พ.ค.นี้ ขณะที่บาท/ดอลลาร์เมื่อกลางเดือนที่แล้ว ไปแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 16 ปี ที่ 28.55 ซึ่งส่งผลให้รัฐบาลและภาคธุรกิจเรียกร้องให้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และ กนง.ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง หรือออกมาตรการอื่นๆ เพื่อดูแลการแข็งค่าของเงินบาท

อย่างไรก็ดี ความกังวลของตลาดว่า ธปท.จะออกมาตรการในเรื่องดังกล่าว ส่งผลให้เงินบาทอยู่ในทิศทางอ่อนค่าตั้งแต่สัปดาห์ก่อน และล่าสุดมาอยู่ที่ 29.68/71 แต่ก็ยังแข็งค่าขึ้นกว่า 3% จากสิ้นปีก่อน และยังคงเป็นสกุลเงินที่แข็งค่าที่สุดในเอเชียในปีนี้

* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SME ผู้จัดการออนไลน์” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *


กำลังโหลดความคิดเห็น