ผ่าประเด็นร้อน
ในช่วงเวลานับจากนี้ไป คงจะเป็นการพิสูจน์พลังทางสังคมให้เห็นว่าทิศทางของสังคมไทยจะเป็นอย่างไรและเดินไปในทิศทางไหนกันแน่ ระหว่างการยอมจำนน ยอมรับอำนาจการข่มขู่ของคนถ่อย เป็นยุคของอันธพาลครองเมืองอย่างสมบูรณ์แบบ อีกไม่นานคงได้เห็นกัน
การเปิดเกมรุกอย่างหนักหน่วงของ ทักษิณ ชินวัตร ผ่านทางเครือข่ายลิ่วล้อทุกรูปแบบ ทั้งฝ่ายรัฐบาล สภา รวมทั้งมวลชนอันธพาลนอกสภา กำลังตีโอบเข้ามาพร้อมกันในทุกด้าน โดยมีเป้าหมายเฉพาะหน้าในเบื้องต้นก่อนก็คือ “ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ” เพราะคนพวกนี้ โดยเฉพาะ ทักษิณ ที่เป็นคนชักใยอยู่เบื้องหลังเห็นว่าเป็นอุปสรรคต่อการ “ฮุบ” ประเทศนี้
นาทีนี้สังคมส่วนใหญ่เริ่มรับรู้กันชัดเจนแล้วว่า สาเหตถชุที่ต้องเล่นงานตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอย่างหนักหน่วงในเวลานี้ เนื่องจากกำลังต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราเอื้อประโยชน์ทั้งอำนาจ และการลบล้างความผิดของทักษิณ แต่เมื่อยังมีศาลรัฐธรรมนูญเป็นด่านขัดขวางอยู่แบบนี้มันก็เท่ากับว่า “แผนชั่ว” ที่วางเอาไว้อย่างเป็นขั้นเป็นตอนอาจล้มครืนลงได้ และนี่คือสาเหตุที่ต้องระดมกันทุกทางเพื่อทำลายศาลฯ ให้สำเร็จให้จงได้ โดยในวันที่ 8 พฤษภาคมนี้จะมีการระดมคนเสื้อแดงอย่างขนานใหญ่ อ้างว่านี่คือการยกระดับการขับไล่ 9 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
ขณะเดียวกันยังมีการเปิดแนวรบรุกเข้ามาพร้อมกันก็คือ การไฟเขียวให้ผลักดันร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม และร่างพระราชบัญญัติปรองดองฯ ซึ่งเนื้อหาและเป้าหมายที่สำคัญที่สุดเพียงเรื่องเดียวก็คือจะต้องลบล้างความผิดให้กับ ทักษิณ เท่านั้น ส่วนจะมีใครจะเป็นพวกลิ่วล้อทั้งประเภทมีชื่อหรือปลายแถวพลอยได้อานิสงส์ไปด้วยนั่นไม่ใช่ประเด็นหลัก แต่บางครั้งเพียงแค่สร้างภาพให้ดูดีว่านี่คือการปรองดองให้ทุกฝ่ายพ้นความผิด อ้างสวยหรูว่าบ้านเมืองจะได้สงบ ไร้ความขัดแย้งยุติความแตกแยกเสียที กล้าพูดกันถึงขนาดนั้นเลยทีเดียว
ล่าสุดได้เปิดแนวรบจากต่างประเทศเข้ามาอีกทางหนึ่งในลักษณะ “โลกล้อมประเทศไทย” ถือว่าอันตรายไม่แพ้กัน เพราะใช้วิธีทำลายประเทศของตัวเอง และคนที่ลงมือเองก็ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นนายกรัฐมนตรี ที่ชื่อ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แม้ว่าคำพูดของเธอระหว่างกล่าวสุนทรพจน์ที่ประเทศมองโกเลียจะมีคนอื่นเขียนเอาไว้ให้ท่องจำเสร็จสรรพ น้อยคนที่เชื่อว่าเกิดจากสติปัญญาของเธอเอง เพราะพิจารณาจากเนื้อหาสาระแล้วเป็นการกล่าวถึงประชาธิปไตย มีการโอดครวญว่า“คนในครอบครัวชินวัตร” มีความเจ็บปวดจากการถูกรังแกจากฝ่ายที่ต่อต้านประชาธิปไตย โดยมีความพยายามบล็อกเอาไว้ล่วงหน้าแล้วว่าหากเกิดอะไรขึ้นกับรัฐบาลของเธอหรือรัฐบาลที่มีคนชินวัตรเป็นเจ้าของก็ขอให้นานาชาติอย่าไปรับรอง
ประเด็นล่าสุดนี่แหละที่เริ่มกลายเป็นประเด็นร้อนไม่แพ้กัน เพราะกำลังถูกตอบโต้กลับไปอย่า
เผ็ดร้อนและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นว่าสิ่งที่นายกฯ “รับ” มาพูดเพื่อ “ทำลายชาติ”ตัวเองนั้นกำลังถูกเปิดโปงว่าเธอโกหกแบบหน้าด้านๆ ทุกอย่างกลายเป็นตรงกันข้าม ฝ่ายที่เจ็บปวดกลายเป็นคนไทยที่ถูกเอาเปรียบ ถูกปล้นทรัพยากรไปเป็นของครอบครัวชินวัตรมานานนับสิบปีแล้ว
สิ่งที่ยิ่งลักษณ์นำไปพูดที่ต่างประเทศกำลังถูกสังคมไทยตั้งคำถามอย่างหนักว่าทำไมถึง “โกหก” ได้ถึงขนาดนี้
ขณะเดียวกัน สังคมไทยกำลังตั้งคำถามกับรัฐบาลพรรคเพื่อไทยว่า ทำไมถึงได้สนับสนุนพฤติกรรมถ่อยเถื่อนของคนเสื้อแดง เนื่องจากมองเห็นไม่ต่างจากพวกกุ๊ยและอันธพาล กลายเป็นยุคที่ไร้ขื่อแป ไม่เคารพกฎหมาย ไม่เคารพกติกา หรือว่านี่คือประชาธิไตยในความหมายของคนพวกนี้ที่ท่องบ่นอยู่ตลอดเวลา เพราะนอกจากมีการระกมมวลชนมาขับไล่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ยังข่มขู่คุกคามไปยังองค์กรอื่นๆ ไม่เว้นแม้แต่ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ทำตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจและเรื่องดอกเบี้ย พัฒนาจนเลยเถิด หลายคนหยามหยันว่าถ้าคนพวกนี้ประท้วงเรียกร้องเรื่องค่าแรง ราคาผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำดูจะสมเหตุสมผลมากกว่าจะไปเรียกร้องให้ปลดผู้ว่าแบงก์ชาติ ดังนั้น ความหมายของคนพวกนี้จึงไม่ต่างกับกุ๊ยที่ตระเวณสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับสังคมเท่านั้น
อย่างไรก็ดี ทั้งปรากฏการณ์และความเคลื่อนไหวดังกล่าวของเครือข่าย ทักษิณ นับวันเริ่มสร้างความรำคาญมากขึ้นเรื่อยๆ ลักษณะเหิมเกริมไม่เคารพกฎหมาย ไม่เคารพกติกา แม้ว่าจะอ้างว่านี่คือการเรียกร้องตามระบอบประชาธิปไตย แต่ในความเห็นของคนอื่นมองว่านี่คือการข่มขู่คุกคาม มีพฤติกรรมถ่อยเถื่อน เป็นการกดดันเพื่อประโยชน์ของคนใน “ครอบครัวเดียว” เท่านั้น คือพวกชินวัตร และเชื่อว่าสังคมกำลังจับตามองด้วยความอดทนมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ถ้าคนพวกนี้ยังไม่หยุดมันก็มีโอกาสถึงจุดระเบิดเกิดเป็นพลังกดให้ ทักษิณ ชินวัตร ที่บอกว่ากำลังลอยคอให้จมน้ำในชั่วพริบตาก็ได้ และเชื่อว่าอารมณ์แบบนั้นกำลังจะมาถึงในไม่ช้า!!