สะเก็ดไฟ
กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ปนเสียงสาปแช่งก่นด่าขึ้นมาทันที หลังจากลูกหม้อพรรคเพื่อไทยซึ่งมีหน้าที่กำกับดูแลกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือไอซีที อย่างนาว น.อ.ดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีเจ้ากระทรวง ออกมาประกาศกร้าวเตรียมปิดเว็บไซต์ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อด่าทอนายกฯ หญิง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
อ้างข้อกฎหมาย อำนาจต่างๆ นานาเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับตนเอง สร้างภาพลักษณ์ให้ดูดีในสายตาลิ่วล้ออย่างคนเสื้อแดง แต่ที่จริงแล้วการออกมาเสนอหน้าครั้งนี้ หนีไม่พ้นเอาหน้า เอาใจนาย เรียกคะแนนการทำงานจากนายกฯหลังเงียบหายไปนาน การทำงานเงียบเป็นเป่าสาก ก็เลยจุดประเด็นเชลียร์เผื่อว่าผลงานเข้าตา การปรับ ครม.ที่อาจมีขึ้นในอีกไม่ช้า เก้าอี้จะได้เหนียว ไม่หลุดตูดไปไหน
กระนั้นเอาเข้าจริง การปิดกั้นการแสดงออกในโลกโซเซียลมีเดียนั้นทำได้ยากยิ่ง หากไม่ว่างงานถึงขั้นต้องมานั่งติดตามชนิดนาทีต่อนาที ว่าวันนี้ใครโพสต์ด่านายกฯ อันเป็นที่รักของตัวเองบ้างก็คงตามจับลำบาก
หากดูผลงานในการปราบปรามเว็บไซต์ที่กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ แทบจะไม่มีให้เห็นเป็นชิ้นเป็นอัน แม้แต่เรื่องสำคัญที่รัฐมนตรีอนุดิษฐ์ ควรเร่งปราบปรามเป็นเรื่องเร่งด่วน อย่างเว็บไซต์หมิ่นสถาบัน จาบจ้วงผู้มีพระมหากรุณาธิคุณต่อประเทศชาติและประชาชนคนไทย ก็ยังมีให้เห็นเกลื่อนกลาด
ปากก็บอกว่าดำเนินอย่างเต็มที่ จะปราบปรามอย่างเอาจริงเอาจัง แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้อย่างที่ปากพล่ามไว้!!
ที่ผ่านมาคนร้องให้จัดการเยอะแยะ แต่เพิกเฉย ปล่อยไว้จนรากเน่า กลายเป็นปัญหาที่ไม่ได้รับการสะสาง เรื้อรังเหมือนเดิม...
เปรียบเทียบความขึงขังจาก 2 กรณีนี้ก็เห็นชัดถึงความทุ่มเท หรือสำนึกในจิตใจ ว่าต้องการทำเพื่ออะไร เชลียร์ใครกันแน่!!
การแสดงความคิดเห็นมันปิดกั้นกันไม่ได้หรอก ยิ่งโลกโซเชียลเดี๋ยวนี้ใครคิดทำอะไรก็กดแป้น พลัวะ ใครโพสต์อะไรบางครั้งถ้าไปใช้ความรู้สึกตัดสินก็ไม่ถูก เพราะมันอาจไม่ได้ผิดกฎหมาย แต่อาจแค่ไม่ถูกใจ และถึงแม้จะผิดกฎหมายก็ไปฟ้องร้องกันเอง อย่ามาเชลียร์กันเยอะดีกว่า ชาวบ้านรำคาญ!!
เรียกร้องหากันนักไม่ใช่หรือประชาธิปไตยที่แท้จริง แต่การกระทำแบบนี้มันเผด็จการชัดๆ จำกัดสิทธิในการแสดงออกทางความคิด แล้วทีไอ้พวกลิ่วล้อเสื้อแดงของรัฐบาลกล่าวหา ด่าแม่คนอื่นสาดเสียเทเสีย บางทีร้ายแรงกว่าประเด็นหญิงชั่วเสียอีก ไม่เห็นมีหมาตัวไหนออกมาเสนอหน้าจัดการ คิดๆไปแล้วก็ทุเรศสิ้นดี!!
จะว่าไปเรื่องแบบนี้มันอยู่ที่จิตใต้สำนึกของคน สิ่งที่ควรปกป้องกลับไม่เหลียวแล ปล่อยให้คนเลวได้กระทำการย่ำยีอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งที่สิ่งนั้นทำคุณประโยชน์แก่ชาติบ้านเมืองจนหาสิ่งใดมาเปรียบปานมิได้
ในขณะที่บุคคลซึ่งอยู่ในฐานะนายกรัฐมนตรี ซึ่งแทบไม่เคยทำประโยชน์อะไรเลยให้กับประเทศแห่งนี้ นอกจากเข้ามาเพื่อแสวงหาผลประโยชน์และคืนความชอบธรรมให้ตระกูลตัวเอง กลับได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ชนิดที่เรียกว่า มดไม่ให้ไต่ แมลงไม่ให้ตอม นี่แหละหนาที่เค้าเรียกว่า อำนาจและเงินทอง ทำให้คนกลายเป็นควาย!!
นายกรัฐมนตรีเป็นบุคคลสาธารณะ ที่ประชาชนสามารถวิจารณ์การทำหน้าที่ได้ เมื่อเขาเห็นว่าทำดี คนก็วิจารณ์ในทางที่ดี แต่เมื่อใดที่เขาเห็นว่า ทำสิ่งไม่ดี ก็ย่อมวิจารณ์ในทางที่ไม่ดีได้เช่นกัน นี่คือสัจธรรมของมนุษย์บนโลกใบนี้
ฉะนั้นอย่าคิดเลยที่ปิดกั้นความคิดคนด้วยวิธีการปิดเว็บไซต์ เพราะมันจะไม่มีวันสำเร็จได้ เหมือนสุภาษิตที่ว่า ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ!!