ลำปาง - ผู้ว่าฯ จวกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกลางห้องประชุม หลัง Hotspot โผล่ในพื้นที่เกือบ 300 ครั้ง แต่รายงานแค่ 160 ครั้ง จนหมอกควันพุ่งเกินมาตรฐานทุกจุด ขู่หน่วยงานไหนคุมการเผาไม่ได้ รายงานต้นสังกัดจัดการทันที
บ่ายวันนี้ (21 มี.ค.) นายธวัชชัย เทอดเผ่าไท ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เรียกประชุมผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นการด่วน ณ ห้องประชุม 2 ศาลากลางจังหวัดลำปาง หลังจากกรมควบคุมมลพิษประกาศเตือนภัยวิกฤตหมอกควันภาคเหนือว่า จากผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ภาคเหนือวันนี้ พบปริมาณฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) เฉลี่ย 24 ชั่วโมง มีค่าระหว่าง 69-428 ไมไครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) คุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับปานกลางถึงอันตราย ปริมาณฝุ่นละอองเพิ่มสูงขึ้นกว่าวันก่อนหน้าทุกสถานี
ทั้งนี้ จ.ลำปาง มีจุดตรวจวัดค่าฝุ่นละอองรวม 4 แห่ง พบว่าทุกแห่งมีค่าเกินมาตรฐาน ซึ่งมีผลเป็นอันตรายต่อสุขภาพทั้งหมด ประกอบด้วย สถานีตรวจวัดอากาศโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพบ้านท่าสี อ.แม่เมาะ ที่ค่า Pm 10 อยู่ที่ 178 ไมโครกรัมต่อ ลบ.ม. สถานีอุตุนิยมวิทยาลำปาง อ.เมือง มีค่า 183 ไมโครกรัมต่อ ลบ.ม. โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพบ้านสบป้าด อ.แม่เมาะ มีค่า 190 ไมโครกรัมต่อ ลบ.ม. และการประปาส่วนภูมิภาคแม่เมาะ อ.แม่เมาะ มีค่า 172 ไมโครกรัมต่อ ลบ.ม. ซึ่งตามปกติค่ามาตรฐาน PM10 เฉลี่ย 24 ชั่วโมง จะต้องไม่เกิน 120 ไมโครกรัมต่อ ลบ.ม.
นายธวัชชัยยอมรับว่า ขณะนี้หมอกควันวิกฤตจริง จึงขอย้ำให้ทุกพื้นที่เข้มงวด และขอให้จับกุมผู้กระทำผิดให้ได้ หากพื้นที่ไหนมีการจับกุมผู้ที่จุดไฟเผาได้จะมีรางวัลมอบให้ ส่วนพื้นที่ไหนไม่มีความคืบหน้าก็จะรายงานไปยังต้นสังกัดว่าหน่วยงานนั้นไม่ยอมทำงาน จนเกิดปัญหาหมอกควันรุนแรงขึ้น ทั้งนี้ นอกจากจะมีจุดตรวตวัด 4 แห่งแล้วยังมีจุดตรวจวัดของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) แม่เมาะ 11 แห่ง และรายงานแบบนาทีต่อนาที จึงทำให้ค่าปริมาณฝุ่นละอองของลำปางสูง
ส่วนจุดที่เกิด Hot spot มากที่สุดยังคงเป็นในตัวเมืองลำปาง อ.แม่เมาะ อ.วังเหนือ อ.เถิน อ.แม่พริก แต่ที่หนักสุดคือเมืองลำปาง ซึ่งตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ดาวเทียมสามารถจับจุดที่เกิด Hotspot ได้ถึง 285 ครั้ง ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ป่าสงวน ป่าอนุรักษ์ และพื้นที่ทำการเกษตร แต่ทางจังหวัดได้รับรายงานว่ามีการรับแจ้งเพียง 160 ครั้งเท่านั้น
“ต่อจากนี้ในเขตพื้นที่ อ.วังเหนือ ซึ่งมีการปลูกข้าวโพดจำนวนมาก และเกษตรกรจะเริ่มมีการเผาซังข้าวโพด ซึ่งก็จะส่งผลให้จุด Hotspot สูงขึ้นอีก ดังนั้นจึงต้องเฝ้าระวังและควบคุมให้ได้”
