นครศรีธรรมราช - ตร.นครศรีฯ จับกุมผู้ต้องหาข่มขืนสาวต่างชาติ รับสารภาพทำเพียงคนเดียว ขณะที่ผู้เสียหายไม่สามารถชี้ตัวได้อ้างจำไม่ได้ ผบก.นครศรีธรรมราช รับคดีก้ำกึ่งข่มขืน-สมยอม
หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจนครศรีธรรมราช ทำการสืบสวนอย่างต่อเนื่องในคดีที่สาวชาวต่างชาติเข้าแจ้งความว่า ถูกชาย 4 คนข่มขืนกระทำชำเรา โดยในทางคดีนั้นเต็มไปด้วยความสับสน เนื่องจากผู้เสียหายให้การสับสนอย่างมากจนเป็นที่น่าสงสัย แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ระดมทีมสืบสวนมือดีของ กก.สส.ภ.นครศรีธรรมราช และ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช เข้าสืบสวน โดยนำภาพจากกล้องวงจรปิดทุกจุดในละแวกที่เกิดเหตุมาตรวจสอบ โดยเฉพาะกล้องวงจรปิดของร้านที่ น.ส.แอน (นามสมมติ) ผู้แจ้งความ มาเที่ยวก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ขึ้น
จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดพบว่า ช่วงเวลาต้องสงสัยคือ ระหว่าง 03.14 จนถึง 03.45 น. ช่วงเวลานี้จะเป็นช่วงที่เกิดเหตุ ภาพจากกล้องวงจรปิดภายในร้านแสดงให้เห็นว่า น.ส.แอน อยู่ในอาการไม่สามารถครองสติได้ เจ้าหน้าที่ของร้านพยายามจะเข้าไปดูแล แต่ น.ส.แอนได้ทำร้ายด้วยการตบตีอย่างต่อเนื่อง และเมื่อช่วงเย็นวานนี้ (19 ก.พ.) ได้มีการเชิญผู้ที่ต้องสงสัยในชั้นต้นมาเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอ ซึ่งพบว่าทุกคนให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ด้วยความเต็มใจทุกคน รวมทั้งครูสอนภาษาต่างประเทศชาวสหราชอาณาจักร แฟนหนุ่มของผู้เสียหาย มาเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอ
ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (20 ก.พ.) หลังจากที่ พล.ต.ต.รณพงศ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช เรียกประชุมชุดสืบสวนทั้งหมดที่เกี่ยวข้องจนพบข้อมูลสำคัญ เมื่อนำภาพจากกล้องวงจรปิดมาถอดอย่างละเอียดแบบนาทีต่อนาทีให้พยานดูจนพบผู้ต้องสงสัยปรากฏในภาพ และยืนยันว่า เป็นคนเดียวกันกับที่เดินตามผู้เสียหายไป และมีประจักษ์พยานที่อยู่ในเหตุการณ์ขณะที่ผู้ต้องสงสัยกระทำชำเราผู้เสียหาย โดยเป็นเพื่อนสนิทของผู้ต้องสงสัย เจ้าหน้าที่จึงสืบสวนจนพบว่า ผู้ต้องสงสัยรายนี้คือ นายพงศ์พัฒน์ โพโส้ย หรือเอ็ม อายุ 26 ปี ชาว ม.3 ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เป็นพนักงานร้านยางรถยนต์แห่งหนึ่งในนครศรีธรรมราช และเป็นลูกค้าประจำของร้านนครเวียงจันทร์ เจ้าหน้าที่จึงเข้าไปเชิญตัวมาจากบ้านกลางดึกเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยเบื้องต้นนั้นให้การปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่ได้พบเห็นผู้เสียหายจริง
ต่อมา พล.ต.ต.รณพงศ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช ได้สอบปากคำด้วยตัวเอง จนในที่สุดนายพงศ์พัฒน์ หรือเอ็ม ยอมรับสารภาพว่า ได้กระทำชำเราผู้เสียหายจริง 2 ครั้งแต่ไม่สำเร็จ โดยเริ่มต้นตนได้ช่วยเหลือสาวชาวต่างประเทศรายนี้เนื่องจากมีบาดแผลบริเวณเข่า และเกิดความรู้สึกทางเพศเนื่องจากผู้เสียหายสวมกระโปรงสั้น ก่อนที่จะเดินตามไปกับผู้เสียหายที่อยู่ในสภาพเมาอย่างหนักบนชั้น 2 ที่เปิดโล่งของอาคาร และลงมือก่อเหตุถึง 2 ครั้งแต่ไม่สำเร็จ โดยจุดเกิดเหตุอยู่ในมุมมืดของอาคาร เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาข่มขืนกระทำชำเรา และตกเป็นผู้ต้องหาในทันที
ขณะที่เพื่อนของผู้ต้องหาให้การทำนองว่า ในช่วงที่เกิดเหตุ ผู้เสียหายมีลักษณะไม่ขัดขืนแต่อย่างใด และขณะที่นายพงศ์พัฒน์ก่อเหตุนั้น ผู้เสียหายมีท่าทีโอนอ่อนผ่อนตาม และมีคำพูดที่แสดงถึงความพึงพอใจ (OK Good) ประโยคเดิมซ้ำๆ หลายครั้ง
และเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (20 ก.พ.) ผู้เสียหายได้เดินทางมายัง สภ.เมืองนครศรีธรรมราช พร้อมด้วยแฟนหนุ่มชาวประเทศเดียวกัน เพื่อชี้ตัวผู้ต้องหาในห้องชี้ตัว แต่ปรากฎว่า ผู้เสียหายไม่สามารถชี้ตัวได้ โดยอ้างว่าจำไม่ได้ เจ้าหน้าที่จึงได้สอบปากคำเพิ่มเติม ส่วนนายพงศ์พัฒน์ เจ้าหน้าที่ได้คุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังจุดเกิดเหตุ นับตั้งแต่ร้านนครเวียงจันทร์จุดที่พบกันครั้งแรกกับผู้เสียหาย ไปจนถึงจุดที่มีการข่มขืนกระทำชำเราอย่างละเอียด โดยมีตัวแสดงแทนเป็นตำรวจหญิงจาก สภ.เมืองนครศรีธรรมราช
พล.ต.ต.รณพงศ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ในการชี้ตัวผู้ต้องหานั้น ผู้เสียหายไม่สามารรถชี้ตัวได้ และเจ้าหน้าที่ได้สอบสวนแล้วพบว่า รถยนต์กระบะ และผู้ก่อเหตุ 4 รายตามที่ผู้เสียหายให้การนั้นไม่เป็นไปตามนั้น แต่มีการกระทำชำเราเกิดขึ้นจริงประมาณ 30 นาที ในช่วงเวลา 03.14 น.ไปจนถึง 03.45 น. และมีประจักษ์พยานที่อยู่ในเหตุการณ์ช่วงเกิดเหตุซึ่งเป็นเพื่อนของผู้ต้องหา โดยให้การเป็นประโยชน์มากจนสามารถไปนำตัวผู้ต้องหามาได้ และขณะที่ผู้ต้องหาลงมือกระทำชำเรานั้น ผู้เสียหายได้พูดในทำนองพึงพอใจ ดังนั้น พฤติการณ์แห่งคดียังมีความก้ำกึ่งอย่างมาก จะสมยอม หรือข่มขืนนั้นไม่สามารถระบุได้ แต่ในทางการสอบสวนนั้นจะทำอย่างละเอียด
“ส่วนสารคัดหลั่งประเภทอสุจิที่พบในตัวผู้เสียหายนั้นยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นของใคร เนื่องจากแฟนหนุ่มของผู้เสียหายให้การว่า ได้ร่วมเพศกับผู้เสียหายมาก่อน ส่วนผู้ต้องหาให้การว่าไม่ได้หลั่งเนื่องจากไม่ได้สำเร็จความใคร่ ซึ่งต้องรอผลพิสูจน์จากแพทย์ให้มีความชัดเจนที่สุดก่อน” ผบก.นครศรีธรรมราชกล่าว
พล.ต.ต.รณพงศ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช กล่าวต่อว่า ผู้เสียหายจะเดินทางกลับประเทศในช่วงดึกของคืนนี้ โดยทางตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช ได้บริการการเดินทางไปยังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในช่วงเย็นของวันนี้ ส่วนทางคดีนั้นได้ประสานกับศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชเพื่อทำการสืบพยานล่วงหน้า เนื่องจากผู้เสียหายเป็นชาวต่างประเทศต้องเดินทางกลับประเทศของเขา ซึ่งศาลได้อนุมัติให้สืบพยานล่วงหน้าเรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตาม มีรายงานเพิ่มเติมจากชุดสืบสวนว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นน่าจะเกิดจากการสมยอม เนื่องจากที่ผู้ต้องหากระทำชำเราครั้งแรกนั้นผู้เสียหายได้พูดในทำนองพอใจด้วยคำว่าโอเค และเมื่อครั้งที่ 2 ผู้เสียหายพูดในทำนองพอใจด้วยคำว่ากู๊ดๆ ดังนั้น จุดเปลี่ยนของคดีนั้นอยู่ที่แฟนหนุ่มของผู้เสียหายที่ออกตามหาผู้เสียหายหลังจากที่ไม่กลับบ้านตลอดทั้งคืน และมาพบผู้เสียหายในสภาพเมาอย่างหนัก ทำให้แฟนหนุ่มไม่พอใจ และเมื่อผู้เสียหายได้บอกกับแฟนว่าถูกข่มขืนจึงทำให้มีการแจ้งความกลายเป็นคดีเกิดขึ้น