ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - อาการอาพาธ “หลวงพ่อคูณ” พักรักษาที่ รพ.มหาราชโคราช เป็นวันที่ 3 แพทย์ระบุอาการทรงตัว มีไข้ต่ำ หอบเหนื่อย และจำวัดไม่ได้ โดยรวมยังน่าเป็นห่วง ส่วนการรักษาให้ยาปฏิชีวนะฉีดเข้าหลอดเลือดดำต่อเนื่อง พร้อมหารือทีมแพทย์เตรียมเปลี่ยนแผนรักษา ชี้ยังอยู่ในภาวะวิกฤตถือเป็นคนไข้ “ไอซียู” เฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อน และประเมินอาการแบบนาทีต่อนาที จัดพยาบาลเข้าเวรใกล้ชิดตลอด 24 ชม.
วันนี้ (1 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าอาการอาพาธของ พระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ) เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ซึ่งพักรักษาอาการอาพาธด้วยภาวะปอดบวมจากการติดเชื้อแบคทีเรีย อยู่ที่ห้องผู้ป่วยพิเศษ 9821 ชั้น 8 อาคารเฉลิมพระเกียรติฯ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา เป็นวันที่ 3 หลังถูกนำส่งโรงพยาบาลเป็นการด่วน เมื่อวันที่ 29 พ.ย. ที่ผ่านมานั้น
ล่าสุด เมื่อเวลา 09.30 น. วันนี้ นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ซึ่งเป็นแพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ ได้นำทีมแพทย์เข้าตรวจหลวงพ่อคูณอีกครั้ง ซึ่งอาการโดยรวมยังทรงตัว มีไข้ต่ำ แพทย์ให้การรักษาแบบประคับประคอง ขณะที่บริเวณหน้าห้องพักหลวงพ่อคูณยังคงมีพยาบาลคอยสับเปลี่ยนเวร และมีประชาชนญาติโยมที่ทราบข่าวได้มาลงนามในสมุดเยี่ยม เพื่อให้หลวงพ่อคูณหายจากอาการอาพาธโดยเร็ว
นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ เปิดเผยว่า อาการโดยรวมจนถึงขณะนี้ยังทรงตัว มีอาการซึม มีไข้ต่ำ 37.5 องศาเซลเซียส เสมหะลดลง ไม่มีอาการอาเจียน แต่หลวงพ่อคูณจำวัดได้ไม่ดี เพราะตื่นตลอดทั้งคืน และมีอาการเหนื่อยหอบ การรักษายังให้ยาปฏิชีวนะชนิดเข้มข้นฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำต่อเนื่อง และให้ยาขยายหลอดลม พร้อมกับจัดพยาบาลเฝ้าเวรครั้งละ 2 คน ตลอด 24 ชั่วโมง (ชม.) โดยสับเปลี่ยนเวรทุก 8 ชม
“ทางคณะแพทย์เป็นห่วงเรื่องภาวะแทรกซ้อน ซึ่งต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดในช่วง 1 สัปดาห์นี้ เพราะช่วงนี้ถือว่าหลวงพ่อคูณอยู่ในภาวะวิกฤต เป็นคนไข้ไอซียู ซึ่งขณะนี้ทีมแพทย์ได้มีการวางแผนการรักษาร่วมกัน อาจมีการพิจารณาเปลี่ยนยารักษาให้หลวงพ่อคูณใหม่ และช่วงนี้สั่งให้งดเยี่ยมโดยเด็ดขาดเพราะอาจทำให้หลวงพ่อติดเชื้อซ้ำซ้อนอีก” นพ.พินิศจัยกล่าว
ทางด้าน นพ.อนุชิต นิยมปัทมะ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอายุรกรรมโรคปอด โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา เปิดเผยว่า ขณะนี้สภาพในช่องปอดทั้ง 2 ข้าง ของหลวงพ่อคูณ ยังมีอาการอักเสบจากการสำลัก และติดเชื้อรุนแรง ตอนนี้สามารถดูดเสมหะออกจากปอดได้มากขึ้น อาการหอบเหนื่อยเริ่มลดลง แต่โดยรวมยังถือว่าน่าเป็นห่วง ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดในระยะ 1 สัปดาห์ โดยเฉพาะเป็นห่วงเรื่องภาวะแทรกซ้อนที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ทั้งนี้ หากหลวงพ่อมีอาการหอบเหนื่อยมากขึ้น หรือไอไม่ออก สำลัก และมีเสมหะมากขึ้น อาจต้องใช้เครื่องใช้หายใจซึ่งแพทย์ต้องเฝ้าประเมินอาการแบบนาทีต่อนาที