ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - อาการอาพาธ “หลวงพ่อคูณ” ดีขึ้นกว่าวันแรก ผู้ว่าฯ โคราชนำกระเช้าเข้าเยี่ยมอาการ เผยไม่มีอะไรน่าห่วง กำชับทีมแพทย์เฝ้าติดตามดูแลใกล้ชิดตลอด 24 ชม. ฝากลูกศิษย์ไม่ต้องกังวล ให้งดเยี่ยมเด็ดขาด ด้านแพทย์ระบุตอบสนองต่อยาที่รักษา ไม่อาเจียน ยังมีไข้ ต้องเฝ้าระวังอาการและภาวะแทรกซ้อนใกล้ชิด คาดสาเหตุของการสำลักอาหารมาจาก 2 ส่วนหลัก คือ มีกรดในกระเพาะมาก และมีเชื้อที่ปอดทำให้เกิดภาวะปอดบวม
วันนี้ (30 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า อาการอาพาธของพระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ) เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา หลังเข้ารับการรักษาอาการอาพาธด้วยภาวะปอดอักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรียเป็นการด่วน ที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (29 พ.ย.)
ล่าสุดวันนี้ เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ห้องผู้ป่วยพิเศษ 9821 ชั้น 8 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ซึ่งเป็นห้องพักของหลวงพ่อคูณ นายวินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วยนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) นครราชสีมา และ นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ได้นำกระเช้าดอกไม้เข้าเยี่ยมอาการอาพาธของหลวงพ่อคูณในห้องผู้ป่วย ซึ่งหลวงพ่อคูณยังจำวัดอยู่ จึงไม่ได้พูดคุยแต่อย่างใด
ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาเปิดเผยว่า จากการได้รับการรักษา หลวงพ่อคูณได้มีอาการดีขึ้นตามลำดับ ซึ่งได้กำชับให้ทีมแพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง และคงต้องดูแลรักษาต่อไปอีกสักระยะก่อนจะประเมินอาการอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม อาการโดยรวมถือว่าไม่น่าเป็นห่วง แต่แพทย์ยังให้งดเยี่ยม ซึ่งต้องขอความร่วมมือประชาชนที่จะเดินทางมาเยี่ยม ขอให้อยู่ในพื้นที่ที่โรงพยาบาลกำหนดให้เท่านั้น คือ สามารถลงนามในสมุดเยี่ยม และถวายดอกไม้บริเวณหน้าห้องพักผู้ป่วยได้
“อย่างไรก็ตาม ขอฝากไปถึงประชาชนศิษยานุศิษย์ไม่ต้องเป็นห่วง ได้กำชับให้ทีมแพทย์เฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิดแล้ว และผมจะแวะมาเยี่ยมท่านตลอด ให้ประชาชนเฝ้าติดตามข่าวทางสื่อต่างๆ ก็พอ” นายวินัยกล่าว
ด้าน นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา กล่าวว่า อาการหลวงพ่อคูณวันนี้ตอบสนองต่อการรักษาดี โดยรวมมีอาการดีขึ้นกว่าเมื่อวาน ไม่มีอาการอาเจียน แต่ยังมีไข้อยู่ แพทย์ยังต้องเฝ้าอาการอย่างใกล้ชิด และขณะนี้ต้องเฝ้าระวังภาวะติดเชื้อแทรกซ้อนด้วย
สำหรับการรักษาขณะนี้ให้ยาปฏิชีวนะต่อเนื่องและพยายามดูดเสมหะออกจากลำคอ ซึ่งยังมีอยู่มาก พร้อมให้ยาขยายหลอดลม ยาฆ่าเชื้อที่ปอด และเฝ้าดูอาการอีกครั้ง ส่วนจะให้หลวงพ่อคูณพักรักษาที่โรงพยาบาลนานกี่วันนั้นยังไม่สามารถให้คำตอบในตอนนี้ แต่ยืนยันว่าคณะแพทย์โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาจะให้การรักษาท่านอย่างเต็มที่ โดยขณะนี้ได้ระดมทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ 5 สาขา เช่น แพทย์เชี่ยวชาญด้านการติดเชื้อ ด้านปอด ด้านหัวใจ ด้านสมอง เข้ามารักษา และจากการประเมินอาการในตอนนี้ยังไม่จำเป็นต้องย้ายหลวงพ่อคูณ ไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพฯ แต่อย่างใด และได้มีการประสานปรึกษากับทีมแพทย์ของโรงพยาบาลศิริราชอยู่แล้ว
ขณะที่ นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ซึ่งเป็นแพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ เปิดเผยว่า จากการติดตามอาการตลอดคืนที่ผ่านจนถึงขณะนี้โดยภาพรวมอาการดีขึ้น มีการตอบสนองและรู้สึกตัวดีกว่าเมื่อวาน แพทย์ยังคงเฝ้าติดตามและสังเกตอาการอย่างใกล้ชิดและให้การรักษาแบบประคับประคองเนื่องจากท่านอายุมากแล้ว และมีโรคประจำตัวหลายอย่าง
“ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดการสำลักอาหารคาดว่าน่าจะมาจากสาเหตุหลัก 2 ส่วน คือ มีการกรดในกระเพาะอาหารมาก และมีเชื้อโรคที่ปอด เมื่อมีการสำลักเศษอาหารเข้าไปก็ทำให้เกิดภาวะปอดบวมได้ ส่วนผลการเพาะเชื้อในห้องปฏิบัติการต้องรออีกประมาณ 3 วัน จึงจะทราบผล” นพ.พินิศจัยกล่าว