ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- นพ.สุรวิทย์ รมต.ซองเปล่า รุดเยี่ยม “หลวงพ่อคูณ” เผย อาการดีขึ้น รัฐบาลขอขอบคุณคณะแพทย์ที่ให้การดูแลรักษาหลวงพ่อเป็นอย่างดี ยันไม่ย้ายพ่อคูณไป รพ.ศิริราช เหตุโคราชมีอุปกรณ์เครื่องมือและแพทย์เชี่ยวชาญพร้อมอยู่แล้ว ด้านแพทย์ เผยภาวะแทรกซ้อนติดเชื้อที่ปอดส่งผลให้อาการทรุดหนักเฉียดโคม่า แต่สามารถผ่านวิกฤติมาได้ แพทย์พอใจในการรักษา
เมื่อเวลา 18.30 น.วันนี้ (11 ก.ค.) ที่ห้องผู้ป่วยพิเศษ 9821ชั้น 8 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (รมช.สธ.) เดินทางเข้าเยี่ยมอาการอาพาธของพระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ) เกจิอาจารย์ชื่อดัง เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ซึ่งอาพาธด้วยโรคหลอดลมอักเสบ และเกิดภาวะแทรกซ้อนด้วยโรคปอดอักเสบเนื่องจากเกิดการสำลักในโรงพยาบาล โดยมีนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา, ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา และคณะแพทย์ให้การต้อนรับ
โดยทันทีที่เดินทางถึง นพ.สุรวิทย์ ได้นำพานดอกบัวมาวางเยี่ยมไว้ที่หน้าห้องผู้ป่วยพร้อมลงนามในสมุดเยี่ยม ก่อนเข้าไปกราบนมัสการหลวงพ่อคูณในห้องผู้ป่วย ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ก็ออกมาเพื่อให้หลวงพ่อคูณพัก จากนั้น นพ.สุรวิทย์ พร้อมทีมแพทย์ได้เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน
นพ.สุรวิทย์ กล่าวว่า จากการได้เข้าเยี่ยมหลวงพ่อคูณทราบว่า ท่านอาการดีขึ้นตามลำดับ และทีมแพทย์ให้การรักษาอย่างเต็มที่ ในนามของรัฐบาลต้องขอขอบคุณคณะแพทย์ที่ให้การรักษาและดูแลหลวงพ่อคูณเป็นอย่างดีมาโดยตลอดจนท่านมีอาการดีขึ้น และขอฝากไปยังศิษยานุศิษย์ทั่วประเทศว่า ขณะนี้หลวงพ่อดีขึ้นมาก และอยู่ในการดูแลของคณะแพทย์ที่มีฝีมือและมีความเชี่ยวชาญ ฉะนั้นไม่ต้องเป็นห่วงท่าน
นพ.สุรวิทย์ กล่าวว่า วันนี้ได้เข้าเยี่ยมหลวงพ่อคูณ ซึ่งท่านพยายามจะพูดคุยแต่ไม่อยากรบกวนท่านตนจึงทำแค่สัมผัสมือของท่านและบอกท่านว่าให้ท่านหายโดยเร็ว ซึ่งจากการประเมินอาการในตอนนี้คิดว่าคงยังไม่ต้องย้ายหลวงพ่อไปรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพฯ เพราะทีมแพทย์ที่นี่ก็เก๋งและมีเครื่องมืออุปกรณ์ในการให้การรักษาที่ครบครันอยู่แล้ว
ด้านนพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ซึ่งเป็นแพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ กล่าวว่า จากที่ท่านได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาด้วยภาวะหลอดลมอักเสบเฉียบพลัน อาการในภาพรวมดีขึ้นเป็นลำดับ
ต่อมาเมื่อวันที่ 6 ก.ค. เริ่มมีไข้สูงและเสมหะมากขึ้น คณะแพทย์ได้วินิจฉัยว่า เกิดภาวะปอดอักเสบจากติดเชื้อแบคทีเรียขึ้นในโรงพยาบาลฯ ที่ปอดขวาล่าง และสาเหตุน่าจะเป็นจากการสำลักขณะดูดเสมหะในโรงพยาบาล ซึ่งเป็นการติดเชื้อที่รุนแรงกว่าการติดเชื้อที่อื่นเพื่อเชื้อในโรงพยาบาลจะมีการดื้อยาและมีหลายชนิด ทำให้อาการท่านทรุดลงมากถึงขั้นเกือบโคม่า
คณะแพทย์พยายามให้การรักษาจนมาถึงวันนี้หลวงพ่อได้รับยาฆ่าเชื้อครบ 72 ชั่วโมง ตอบสนองต่อการรักษา ทำให้ท่านมีอาการดีขึ้น คณะแพทย์พอใจในการรักษา แต่ยังบอกไม่ได้ว่าปลอดภัยแล้ว 100 เปอร์เซ็นต์เพราะยังต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดต่อไปเนื่องจากท่านอ่อนแอสามารถเกิดอะไรขึ้นได้ตลอด
