ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - แพทย์ รพ.มหาราชนครราชสีมา จัดทีมใหญ่เข้าตรวจ “หลวงพ่อคูณ” หลังเกิดภาวะแทรกซ้อนปลอดอักเสบทรุดหนัก ระบุอาการดีขึ้น ไข้ลด ตอบสนองได้ดี แต่ยังอ่อนเพลีย ซึม ระบุยังวางใจไม่ได้ สามารถเกิดอะไรขึ้นได้ตลอดเวลา ย้ำยังไม่จำเป็นย้ายไป รพ.ศิริราช
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าอาการอาพาธของพระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ) เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ซึ่งพักรักษาอยู่ที่ห้องพักผู้ป่วยพิเศษ วีไอพี 9821 อาคารเฉลิมพระเกียรติ ชั้น 8 โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา ด้วยอาการหลอดลมอักเสบ ตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา และเกิดภาวะแทรกซ้อนติดเชื้อทำให้ปอดอักเสบจนอาการทรุดหนักนั้น
ต่อมาคณะแพทย์ 6 สาขา ของโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ทั้งด้านโรคหัวใจ, โรคปอด, สมอง, อายุรกรรม และการติดเชื้อ นำโดย นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งเป็นแพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ ได้เข้าตรวจอาการอีกครั้ง และยังไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปบันทึกภาพ เนื่องจากเป็นช่วงเข้มงวดเพราะเกรงว่าหลวงพ่อคูณ จะติดเชื้อซ้ำซ้อนเพิ่มเติม
นพ.พินิศจัย เปิดเผยหลังตรวจอาการหลวงพ่อคูณว่า อาการโดยรวมของหลวงพ่อคูณวันนี้ ดีขึ้นกว่าเมื่อวาน ไข้ลดลง จากเดิมที่มีไข้ขึ้นสูงถึง 39.8 องศาเซลเซียส ลดลงเหลือ 37 องศาเซลเซียส รู้สึกตัวและตอบสนองได้ดีขึ้น แต่ยังมีอาการอ่อนเพลีย มีเสมหะ และ ซึม ซึ่งจะต้องเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิดต่อไป เนื่องจากหลวงพ่อคูณอ่อนแอภูมิต้านทานต่ำจากภาวะติดเชื้อทางปอด สามารถเกิดอะไรขึ้นได้ตลอดเวลา
ส่วนการรักษายังคงให้ยาฆ่าเชื้อด้วยการฉีดเข้าเส้นเลือดดำต่อเนื่อง ผลการเอ็กซเรย์สมอง ไม่พบความผิดปกติ และปอด เริ่มดีขึ้น แต่คงไว้วางใจต่ออาการของหลวงพ่อคูณยังไม่ได้ ขอประเมินอีก 48 ชั่วโมง นับจากนี้ เพื่อดูการตอบสนองต่อการรักษาจึงจะสามารถตอบได้ และ ช่วงนี้ก็ต้องงดเยี่ยมอย่างเด็ดขาดต่อไป
สำหรับการรับอาหารผ่านทางสายยางนั้น หลวงพ่อคูณยังรับได้ดี ไม่มีปัญหา แต่ยังไม่ได้ชั่งน้ำหนักซึ่งก่อนเข้าโรงพยาบาลหลวงพ่อมีน้ำหนัก 45 กิโลกรัม ช่วงนี้จึงยังบอกไม่ได้ ขอให้ท่านแข็งแรงก่อนจึงจะชั่งดูอีกครั้ง
ส่วนการย้ายไปรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพฯ หรือไม่นั้น ประเมินอาการจนถึงวันนี้ ยังไม่ต้องย้ายไป เพราะเราติดต่อกับอาจารย์แพทย์ของโรงพยาบาลศิริราชตลอดเวลาที่มีการรักษาอยู่แล้ว และแนวทางการรักษาเป็นแนวเดียวกันกับศิริราชอยู่แล้ว แต่หากจำเป็นจะต้องย้ายก็ต้องย้ายถ้าเป็นประโยชน์กับหลวงพ่อ เพราะเรายึดที่ตัวหลวงพ่อเป็นหลัก
"สิ่งที่กังวลคือ ท่านปอดบวมติดเชื้อในปอดเป็นครั้งที่ 2 ที่ท่านนอนรักษาโรงพยาบาล ซึ่งจากเดิมเป็นภาวะหลอดลมอักเสบ และมาเกิดภาวะแทรกซ้อนปอดอักเสบอีก ภูมิต้านทานท่านก็ลดลง ไม่รวมกับอวัยวะอื่นที่มีความบกพร่องซึ่งท่านเคยผ่านตัดหัวใจ หลอดเลือดสมองและมีโรคอื่น ๆ อีก จึงต้องเป็นกังวล แต่เราก็เข้มงวดกันอยู่แล้ว ตอนนี้ต้องประเมินกันเป็นวันๆ ไป ซึ่งการติดเชื้อทางปอดที่เกิดขึ้นครั้งนี้ถือว่าโชคดีที่ทำการรักษาได้เร็ว”
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าอาการอาพาธของพระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ) เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ซึ่งพักรักษาอยู่ที่ห้องพักผู้ป่วยพิเศษ วีไอพี 9821 อาคารเฉลิมพระเกียรติ ชั้น 8 โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา ด้วยอาการหลอดลมอักเสบ ตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา และเกิดภาวะแทรกซ้อนติดเชื้อทำให้ปอดอักเสบจนอาการทรุดหนักนั้น
ต่อมาคณะแพทย์ 6 สาขา ของโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ทั้งด้านโรคหัวใจ, โรคปอด, สมอง, อายุรกรรม และการติดเชื้อ นำโดย นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งเป็นแพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ ได้เข้าตรวจอาการอีกครั้ง และยังไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปบันทึกภาพ เนื่องจากเป็นช่วงเข้มงวดเพราะเกรงว่าหลวงพ่อคูณ จะติดเชื้อซ้ำซ้อนเพิ่มเติม
นพ.พินิศจัย เปิดเผยหลังตรวจอาการหลวงพ่อคูณว่า อาการโดยรวมของหลวงพ่อคูณวันนี้ ดีขึ้นกว่าเมื่อวาน ไข้ลดลง จากเดิมที่มีไข้ขึ้นสูงถึง 39.8 องศาเซลเซียส ลดลงเหลือ 37 องศาเซลเซียส รู้สึกตัวและตอบสนองได้ดีขึ้น แต่ยังมีอาการอ่อนเพลีย มีเสมหะ และ ซึม ซึ่งจะต้องเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิดต่อไป เนื่องจากหลวงพ่อคูณอ่อนแอภูมิต้านทานต่ำจากภาวะติดเชื้อทางปอด สามารถเกิดอะไรขึ้นได้ตลอดเวลา
ส่วนการรักษายังคงให้ยาฆ่าเชื้อด้วยการฉีดเข้าเส้นเลือดดำต่อเนื่อง ผลการเอ็กซเรย์สมอง ไม่พบความผิดปกติ และปอด เริ่มดีขึ้น แต่คงไว้วางใจต่ออาการของหลวงพ่อคูณยังไม่ได้ ขอประเมินอีก 48 ชั่วโมง นับจากนี้ เพื่อดูการตอบสนองต่อการรักษาจึงจะสามารถตอบได้ และ ช่วงนี้ก็ต้องงดเยี่ยมอย่างเด็ดขาดต่อไป
สำหรับการรับอาหารผ่านทางสายยางนั้น หลวงพ่อคูณยังรับได้ดี ไม่มีปัญหา แต่ยังไม่ได้ชั่งน้ำหนักซึ่งก่อนเข้าโรงพยาบาลหลวงพ่อมีน้ำหนัก 45 กิโลกรัม ช่วงนี้จึงยังบอกไม่ได้ ขอให้ท่านแข็งแรงก่อนจึงจะชั่งดูอีกครั้ง
ส่วนการย้ายไปรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพฯ หรือไม่นั้น ประเมินอาการจนถึงวันนี้ ยังไม่ต้องย้ายไป เพราะเราติดต่อกับอาจารย์แพทย์ของโรงพยาบาลศิริราชตลอดเวลาที่มีการรักษาอยู่แล้ว และแนวทางการรักษาเป็นแนวเดียวกันกับศิริราชอยู่แล้ว แต่หากจำเป็นจะต้องย้ายก็ต้องย้ายถ้าเป็นประโยชน์กับหลวงพ่อ เพราะเรายึดที่ตัวหลวงพ่อเป็นหลัก
"สิ่งที่กังวลคือ ท่านปอดบวมติดเชื้อในปอดเป็นครั้งที่ 2 ที่ท่านนอนรักษาโรงพยาบาล ซึ่งจากเดิมเป็นภาวะหลอดลมอักเสบ และมาเกิดภาวะแทรกซ้อนปอดอักเสบอีก ภูมิต้านทานท่านก็ลดลง ไม่รวมกับอวัยวะอื่นที่มีความบกพร่องซึ่งท่านเคยผ่านตัดหัวใจ หลอดเลือดสมองและมีโรคอื่น ๆ อีก จึงต้องเป็นกังวล แต่เราก็เข้มงวดกันอยู่แล้ว ตอนนี้ต้องประเมินกันเป็นวันๆ ไป ซึ่งการติดเชื้อทางปอดที่เกิดขึ้นครั้งนี้ถือว่าโชคดีที่ทำการรักษาได้เร็ว”