ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - อาการอาพาธ “หลวงพ่อคูณ” ทรงตัว แต่ยังมีไข้ต่ำสลับไปมา แพทย์ระบุช่วงนี้ยังไม่พ้นวิกฤตวางใจไม่ได้ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด รวมทั้งการติดเชื้อซ้ำซ้อนเพิ่มอีก ย้ำขอความร่วมมือให้งดเยี่ยมเด็ดขาด
วันนี้ ( 15 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าอาการอาพาธของพระเทพวิทยาคม หรือ หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ซึ่งพักรักษาอยู่ที่ห้องพักผู้ป่วยพิเศษ 9821 ชั้น 8 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา ตั้งแต่เมื่อวันที่ 4 ก.ค. ที่ผ่านมาด้วยอาการโรคหลอดลมอักเสบ และเกิดภาวะแทรกซ้อนปอดอักเสบ แพทย์ต้องทำการเจาะน้ำออกจากปอด ตามข่าวที่เสนอมาอย่างต่อเนื่อง นั้น
ล่าสุดเมื่อเวลา 11.30 น.วันนี้ นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือดโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ซึ่งเป็นแพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ ได้เข้าตรวจอาการหลวงพ่อคูณ พร้อมระบุว่า วันนี้ท่านไม่มีอาการอะไรผิดปกติก็คล้ายกับเมื่อวานนี้ แต่มีไข้ต่ำบ้างสลับไปมา ส่วนใหญ่จะไม่มีไข้ แต่หลวงพ่อคูณ ยังมีอาการอ่อนเพลียต้องการพักผ่อนให้มาก การตอบโต้ดีพูดคุยรู้เรื่องดี รู้ตัวดี รับอาหารทางสายยางได้เต็มที่
ส่วนการให้ยาขยายหลอดลม ยาละลายเสมหะ และยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำยังให้ยาเหมือนเดิม การรักษายังไม่เปลี่ยนแปลงอะไร
นพ.พินิศจัย กล่าวต่อว่า เรื่องกำลังใจของหลวงพ่อเองมีผลต่อการรักษาของคณะแพทย์มาก แต่เท่าที่รักษาอาการท่านมายอมรับว่าหลวงพ่อคูณท่านใจสู้มาก และทุกครั้งที่ท่านมีปัญหาท่านให้ความร่วมมือกับคณะแพทย์ดีมาก ตอนนี้เรื่องบ่นกลับวัดท่านยังไม่พูดถึง แต่ดูแล้วท่านยังอ่อนเพลียอยู่มาก ซึ่งไม่แปลกหรือน่าวิตกอะไร เพราะหลวงพ่อคูณติดเชื้อคราวนี้ถือว่าหนัก ฉะนั้นการรักษาโดยให้ยาปฏิชีวนะฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำเพิ่งให้มาได้ประมาณ 1 สัปดาห์ ถือว่ายังไม่พ้นวิกฤติ โดยเฉพาะเหลือช่วงสุดท้าย 7 วันของการให้ยาปฏิชีวนะก็ถือว่ายังวางใจไม่ได้ เราต้องเฝ้าระวังกันอย่างใกล้ชิดอยู่
นพ.พินิศจัย กล่าวอีกว่า ตอนนี้เรายังกลัวเรื่องภาวะแทรกซ้อนต่างๆอยู่ ไม่ว่าจะติดเชื้อซ้ำซ้อนทางหัวใจ ทางสมอง หรือ ไต พวกนี้ และถ้าไข้ขึ้นสูงอีกมันจะทำให้อวัยวะอื่นรวนด้วย ไม่ว่าทางหัวใจ ทางสมอง หรือแม้กระทั่งไต เหล่านี้ที่สำคัญมากๆ ทั้ง 3 ส่วนนี้ไม่มีใครอยากให้เกิด โดยเฉพาะคณะแพทย์ รวมทั้งลูกศิษย์ก็คงไม่อยากให้เกิด
“สิ่งสำคัญ ในฐานะคณะแพทย์อยากจะขอความร่วมมือคืองดเยี่ยมเด็ดขาดในช่วงนี้ เพราะท่านยังไม่แข็งแรงพอที่จะเจอลูกศิษย์ หรือญาติโยมที่จะเอาเชื้อโรคมาติดท่านได้ ฉะนั้นเราต้องการให้ท่านได้พักผ่อนเต็มที่ด้วย” นพ.พินิศจัย กล่าว