โฆษก พท.ป้องนายกฯ โต้ “องอาจ” ใส่ร้ายให้ท้ายแดงป่วนศาล รธน. ยันเป็นสิทธิ ผิด กม.แจ้งความ อ้างปกติ ปชต. ซัดงานถนัด ปชป.ดิสเครดิตนายกฯ เป็นฤๅษีแปลงสาร ค้านไร้สาระ ย้อน ส.ส.ร.50-ส.ส.-ส.ว.-แก๊งแดงไม่ฟังศาล รธน.ไม่ผิด ม. 116 ชูมติใหม่ ปชต. ซัดออกแถลงการณ์ขู่ผู้ทรงเกียรติ ปชช.เห็นต่าง ตอกได้ประโยชน์รัฐประหาร ไม่ละอายใจป้อง รธน.50 ที่ทำวิกฤตการเมือง
วันนี้ (29 เม.ย.) ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมากล่าวหาว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ให้ท้ายผู้ชุมนุมที่ชุมนุมศาลรัฐธรรมนูญ ตนมองว่านายองอาจกำลังโยนบาปยัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพราะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ พรรคเพื่อไทย รวมถึงรัฐบาลไม่มีใครไปให้ท้ายผู้ชุมนุม การชุมนุมของประชาชนถือเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ตราบใดที่ไม่ละเมิดกฎหมายก็สามารถทำได้ ถ้ามีการละเมิดกฎหมายก็คงต้องมีการดำเนินการ เหมือนที่ตัวแทนศาลรัฐธรรมนูญได้มีการดำเนินการแจ้งความต่อผู้ชุมนุม และผู้ชุมนุมก็มีการแจ้งความกลับ ก็เป็นเรื่องปกติของระบอบประชาธิปไตย ซึ่งนายองอาจเป็น ส.ส.และอดีตรัฐมนตรีหลายสมัยก็ควรเข้าใจในสิทธิของประชาชน
ส่วนที่กล่าวหา น.ส.ยิ่งลักษณ์ว่าไม่เข้าใจภาระหน้าที่ของ 3 เสาหลักของอำนาจอธิปไตย นายพร้อมพงศ์ระบุว่าเป็นแค่เกมการเมือง ซึ่งเป็นเรื่องถนัดที่สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ใช้เป็นเรื่องดิสเครดิต น.ส.ยิ่งลักษณ์มากกว่า ทั้งที่เรื่องการชุมนุมเป็นเรื่องของประชาชนซึ่งใช้สิทธิเสรีภาพ ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็พูดโดยหลักการ ไม่ได้ให้ท้ายผู้ชุมนุม หรือสนับสนุนแต่อย่างใด แต่นายองอาจกลับทำตัวเป็นฤๅษีแปลงสารบิดเบือนข้อเท็จจริงมาโจมตี มุ่งหวังเพียงประโยชน์ทางการเมือง ซึ่งเป็นการทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างไม่สร้างสรรค์ ไม่เกิดประโยชน์ต่อประชาชน เป็นการค้านแบบไร้สาระรายวัน
นายพร้อมพงศ์กล่าวถึงกรณีที่ชมรมสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ 50 ได้ออกแถลงการณ์ชมรมสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ 50 (ส.ส.ร.50) โดยในแถลงการณ์โดยกล่าวหาว่ามีขบวนการทางการเมืองทั้งพรรคการเมือง นักการเมือง และมวลชน หวังเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ 50 โดยได้กระทำการกดดัน คุกคามความน่าเชื่อถือของศาลรัฐธรรมนูญ รวมถึงกล่าวหา ส.ส. และ ส.ว. พรรคการเมืองที่ประกาศไม่รับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ ว่าอาจเข้าข่ายความผิดกฎหมายอาญา มาตรา 116 นั้น ตนขอปฏิเสธว่าการกล่าวหาของชมรม ส.ส.ร.50 ไม่เป็นความจริง สมาชิกรัฐสภาที่ไม่ส่งคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ รวมถึงจะทำจดหมายเปิดผนึกถึงศาลรัฐธรรมนูญ และประชาชนทุกคนมีเจตนาที่สุจริตและบริสุทธิ์ ทำเพื่อปกป้องอำนาจหน้าที่ของตนเองตามรัฐธรรมนูญ เนื่องจากเห็นว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจรับคดีตรวจสอบแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญของรัฐสภา ส่วนการชุมนุมของประชาชนที่แสดงออกถึงความไม่เห็นด้วยกับการรับคำร้องในกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นก็เป็นสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ หากอยู่ในกรอบของรัฐธรรมนูญและกฎหมายก็ไม่มีความผิด ตามมาตรา 116 ที่ชมรม ส.ส.ร.50 อ้างถึง
นายพร้อมพงศ์กล่าวต่อว่า ดังนั้นการออกแถลงการณ์ ของชมรม ส.ส.ร.50 ตนมองว่าน่าจะเป็นการข่มขู่สมาชิกรัฐสภา และประชาชนที่เห็นต่างกับ ชมรม ส.ส.ร.50 ตนขอให้ประชาชนย้อนกลับไปดูภูมิหลังของบุคคลเหล่านี้ ที่อ้างว่าทำเพื่อประชาชนนั้น คนเหล่านี้ ได้ดี เพราะ ผลจากการทำรัฐประหาร 19 ก.ย. 49 และมีส่วนสำคัญในการยกร่างรัฐธรรมนูญ 50 ที่ทำให้เกิดปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองมาโดยตลอดจนถึงปัจจุบัน และที่สำคัญกลุ่มคนเหล่านี้ไปบัญญัติรับรองให้การทำรัฐประหารโดยยึดอำนาจประชาชนชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 309 ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้พยายามปกป้องรัฐธรรมนูญปี 50 ซึ่งเป็นสิ่งที่ตัวเองทำเอาไว้ทั้งที่รู้ว่ามีปัญหา และไม่เป็นประชาธิปไตย แต่กลับไม่ยอมเปิดใจ เปิดหู เปิดตา รับฟังปัญหาจากประชาชน แต่กลับหน้ามืดตามัว น่าจะหลงไปกับอำนาจวาสนาที่เคยได้รับจากการเป็น ส.ส.ร.50 ที่สำคัญความขัดแย้งทางการเมืองจนก่อวิกฤตทางการเมืองทำให้เกิดการสูญเสียชีวิต บาดเจ็บ ของประชาชนเป็นจำนวนมาก รวมถึงการสูญเสียทรัพย์สินจากความขัดแย้ง ซึ่งต้นตอส่วนหนึ่งมาจากรัฐธรรมนูญ 50 ถามว่าคนกลุ่มนี้ จะมีความสำนึกบาป และแสดงความรับผิดชอบกับวิกฤตความขัดแย้งทางการเมืองที่ยังไม่ยุติอย่างไร วันนี้ยังออกมาปกป้องรัฐธรรมนูญ 50 ที่มากจากเผด็จการ โดยปราศจากความละอายใจ
“เชื่อว่าการแสดงออกของสมาชิกรัฐสภาทั้ง ส.ส. และ ส.ว.ในการไม่ส่งคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ รวมถึงทำจดหมายเปิดผนึกถึงศาลรัฐธรรมนูญ เป็นมิติใหม่ทางประชาธิปไตยเพื่อรักษาไว้ซึ่งหลักการตามรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ ไม่ใช่เป็นการกดดัน หรือการคุกคามตุลาการศาลรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด” นายพร้อมพงศ์กล่าว