“อภิสิทธิ์” ยันฟ้องกลับ “อธิบดีดีเอสไอ” ตาม กม. เหตุถูกแกล้งยัดข้อหา หลังศาลสั่งเลื่อนถกรับฟ้อง บี้พิสูจน์ตัวเอง งง “ธาริต” ตั้งทีมถอนคดีก่อการร้ายแก๊งแดงที่อยู่ในชั้นศาล หวังกระบวนการยุติธรรมเดินต่อ เตือน จนท.รับผิดชอบการกระทำ ดักอ้างศาลแพ่งไม่ได้ ชี้คนละส่วนกัน ย้ำอยู่ในกติกา อย่าขู่ ป่วนศาล ฝากบี้นายกฯ ปล่อยสังคมเผชิญหน้า ขยิบตานิรโทษกรรม-แก้ รธน. ชี้เห็นแก่สังคมหยุดพฤติกรรมรวบอำนาจ
วันนี้ (29 เม.ย.) ที่ศาลอาญา รัชดาภิเษก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางไปศาลอาญาในคดีที่เป็นโจทก์ร่วมกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมฟ้องนายธาริต เพ็งดิษฐ์ และพวกในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ใช้อำนาจหน้าที่กลั่นแกล้งในการตั้งข้อหาร่วมกับก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล ซึ่งศาลได้นัดไต่สวนนัดแรกเพื่อที่จะพิจารณาว่าจะประทับรับฟ้องหรือไม่ โดยนายธาริตได้ประสานงานเพื่อขอเลื่อนคดีโดยอ้างว่ายังไม่มีทนายความ เนื่องจากอยู่ระหว่างส่งเรื่องให้อัยการพิจารณาข้อเท็จจริงและต้องการให้อัยการทำหน้าที่เป็นทนายความให้นายธาริตในคดีนี้ ศาลจึงอนุญาตให้เลื่อนการพิจารณาคดีออกไปเป็นเดือน ก.ค.ต่อไป
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า การใช้สิทธิฟ้องร้องนายธาริตเป็นการใช้สิทธิตามกฎหมาย ไม่ใช่การข่มขู่ตามที่นายธาริตกล่าวหา เพราะมีทั้งข้อเท็จจริงและข้อกล่าวหาที่รองรับว่าตนและนายสุเทพถูกกลั่นแกล้ง จึงต้องขอความเป็นธรรมตามกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเป็นแนวทางที่ทุกคนควรปฏิบัติ ดีกว่าแนวทางใช้การข่มขู่ คุกคาม แบล็กเมล์หรือใช้มวลชนกดดัน หากนายธาริตเห็นว่าตนใช้สิทธิโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายก็สามารถดำเนินการฟ้องศาลได้ด้วยเช่นเดียวกัน และอยากให้นายธาริตพิสูจน์ตัวเองในชั้นศาลด้วย
นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงกรณีนายธาริตตั้งคณะกรรมการพิจารณาถอนฟ้องแกนนำเสื้อแดงในคดีก่อการร้ายตามข้อเรียกร้องของ นพ.เหวง โตจิราการ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทยว่า ส่วนตัวไม่แน่ใจว่าจะดำเนินการอย่างไร เพราะขั้นตอนคดีอยู่ในชั้นศาล เป็นหน้าที่ของอัยการที่จะพิจารณา แต่คนเสื้อแดงก็ได้ไปยื่นเรื่องนี้ต่ออัยการด้วย ทั้งนี้อยากให้กระบวนการยุติธรรมเดินหน้าต่อไป เพราะแกนนำคนเสื้อแดงก็สามารถไปพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลได้อยู่แล้ว จึงอยากเตือนให้เจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องระมัดระวัง เพราะหากทำอะไรที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายก็ต้องรับผิดชอบด้วย
ส่วนกรณีที่มีการอ้างคำพิพากษาของศาลแพ่งว่าไม่ได้เป็นการก่อการร้ายนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คงเอามาใช้เป็นฐานในคดีอาญาไม่ได้ เพราะเป็นคนละส่วนกัน และความจริงคำพิพากษาศาลแพ่งก็มีหลายกรณีที่ไม่ตรงกัน ดังนั้นจึงอยากให้ทุกฝ่ายตระหนักว่าบ้านเมืองที่สงบกระบวนการยุติธรรมจะต้องเดินหน้าได้ ไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาลก็ตาม ไม่เช่นนั้นสังคมก็จะไม่มีกฎกติกา ขาดความยุติธรรม ไม่สามารถยุติปัญหาได้ เพราะหากใช้มวลชนข่มขู่คุกคาม กดดันเจ้าหน้าที่และศาล ไม่เคารพกติกา เหมือนกับสังคมไม่มีกติกา ทุกคนก็จะเดือดร้อน จึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายช่วยรักษาระบบของบ้านเมืองใช้กระบวนการยุติธรรมยุติปัญหา หากเห็นว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยังกล่าวถึงการเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทยที่ผลักดันทั้งกรณีการนิรโทษกรรม การแก้ไขรัฐธรรมนูญรวมถึงการกดดันศาลรัฐธรรมนูญโดยการปฏิเสธอำนาจศาลว่า ต้องไปถามนายกฯและพรรคเพื่อไทยว่าทำไมจึงต้องการให้สังคมไปสู่การเผชิญหน้า ซึ่งจะนำไปสู่ความล้มเหลวของรัฐบาลในที่สุด เพราะหากฝ่ายตุลาการไม่สามารถทำหน้าที่ได้ รัฐบาลชุดนี้ก็จะเป็นรัฐที่ล้มเหลว เพราะมีหน้าที่บริหารประเทศต้องลดความขัดแย้งแต่กลับมาสร้างความขัดแย้งเสียเอง ด้วยการพยายามเปลี่ยนดุลอำนาจของระบบ โดยมีเป้าหมายทุบระบบเดิมเพื่อสร้างระบบใหม่ในการรวบอำนาจ จึงขอเรียกร้องให้หยุดพฤติกรรมเหล่านี้ เพราะสุดท้ายจะเกิดความขัดแย้งรุนแรง หากรัฐบาลมีความจริงใจที่จะให้บ้านเมืองมีความสงบก็ควรหยุดได้แล้ว