“ชวนนท์” จ้องนิรโทษกรรมนายใหญ่ไม่สน ปชช. เจอแพงทั้งแผ่นดินหนักกว่าปีก่อน เอาเวลาแต่ขู่ศาล รธน. แถมไม่สนใจภัยแล้ง ตอกกู้ 3.5 แสนล้านจัดการน้ำยังไม่ชัดส่อโกง ถูก คกก.กบอ.ฟ้องสหประชาชาติ และหนุนงบแก้ราคายางพาราต่ำไร้ผล ปชช.โวยนักการเมืองมีฮั้วราคา เย้ยเดินสายเลียนแบบผ่าความจริงอย่าลืมแจง ยันไม่กดดันดีเอสไอแม้ถูกแกล้ง ย้ำรับใช้การเมืองไม่รอด ชี้มีที่เดียวในโลกส่งอันธพาลป่วนองค์กรสอบ รบ. สมฉายา รบ.กุ๊ย
วันนี้ (24 เม.ย.) นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ตำหนิรัฐบาลพรรคเพื่อไทยว่า มุ่งมั่นแต่เรื่องผลประโยชน์ของผู้มีอำนาจเบื้องหลังรัฐบาลและประโยชน์ทางการเมือง โดยมุ่งไปที่การนิรโทษกรรม และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งที่ไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อประชาชน แต่เป็นการล้างผิดสร้างอำนาจให้แก่ตัวเอง จึงเป็นสิ่งที่รัฐบาลควรหยุดกระบวนการที่จะทำประโยชน์ให้แก่ฝ่ายตัวเอง แต่หันมาแก้ปัญหาให้ประชาชนที่ยังประสบปัญหาอยู่ เพราะสถานการณ์แพงทั้งแผ่นดินกลับมาอีกแล้วโดยรุนแรงมากกว่าในปี 2555 ด้วยซ้ำ
นายชวนนท์กล่าวว่า จากการเปรียบระหว่างเดือนเมษายนปี 2555 กับเดือนเมษายนปี 2556 พบว่า แตงกวาจากกิโลกรัมละ 28 บาท เป็น 30 บาท มะนาวจากลูกละ 6 บาท เป็น 12 บาท พริกขีดละ 4 บาทเป็น 12 บาท ถั่วฝักยาวกิโลกรัมละจาก 35 บาท เป็น 70 บาท ต้นหอมขีดละ 7 บาทเป็น 15 บาท ผักชีขีดละ 8 บาท เป็น 15 บาท
“ผมไม่อยากใช้คำว่าโคตรแพงทั้งแผ่นดิน แต่นายกรัฐมนตรีไม่เคยให้ความสนใจในเรื่องเหล่านี้ ทั้งที่ประชาชนและเกษตรกรได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก แต่รัฐบาลเอาเวลาทั้งหมดไปมุ่งมั่นในการแก้รัฐธรรมนูญ ล้างผิดตัวเอง เอาอำนาจบาทใหญ่ไปข่มขู่คุกคามศาลรัฐธรรมนูญ” นายชวนนท์กล่าว
นอกจากนี้ ยังมีปัญหาแล้งทั้งแผ่นดิน โดยมีพื้นที่ประสบภัยแล้งฉุกเฉิน 49 จังหวัด 34,000 หมู่บ้าน แล้งต่อเนื่องตั้งแต่ตุลาคม 2555 คือแล้งมายาวนานติดต่อกัน 6 เดือน สิ่งเหล่านี้รัฐบาลต้องตระหนักว่าไม่ควรทุ่มเทเรื่องประโยชน์ทางการเมืองของบุคคลเบื้องหลังรัฐบาล แต่ประชาชนประสบภาวะทั้งแพงและแล้งทั้งแผ่นดิน ในขณะที่เงินกู้ 3.5 แสนล้านที่อ้างว่ากู้มาเพื่อบริหารจัดการน้ำก็ยังไม่มีความชัดเจน แต่กลับมีความไม่โปร่งใส จนกระทั่งนายอุเทน ชาติภิญโญ อดีตคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย หรือ กบอ. เตรียมไปยื่นร้องเรียนต่อสหประชาชาติเนื่องจากมีการใช้เงินกู้ 3.5 แสนล้านบาทอย่างไม่โปร่งใส เปิดโอกาสให้มีการทุจริตคอร์รัปชัน ไม่เป็นไปตามระเบียบพัสดุ
นายชวนนท์กล่าวอีกว่า ในปัจจุบันเกษตรกรยังมีปัญหายางพาราถูกทั้งแผ่นดิน ทั้งๆ ที่รัฐบาลอนุมัติเงินทั้งหมด 4.5 หมื่นล้านบาท เพื่อพยุงราคายางพารา และมีการใช้จริงไปแล้วกว่า 2 หมื่นล้านบาท แต่ราคายางพาราลดลงถึง 41% จึงไม่ทราบเอาเงินไปทำอะไร แต่มีประชาชนร้องเรียนว่าเงินที่ใช้ไป 2 หมื่นล้านบาทไม่ได้พยุงราคายาง แต่เป็นการพยุงรายได้ของนักการเมืองที่เกี่ยวข้องมีการฮั้วกันจนเกษตรกรไม่ได้รับประโยชน์ และราคายางพาราก็ตกต่ำอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นการที่รัฐบาลจะทำเวทีเลียนแบบผ่าความจริงของพรรคประชาธิปัตย์นั้น ประชาชนอยากทราบว่าจะแก้ปัญหาแพงแล้งทั้งแผ่นดินได้อย่างไร มากกว่าที่จะพูดถึงเรื่องประโยชน์ของนักการเมืองในเรื่องการนิรโทษกรรม หรือแก้รัฐธรรมนูญ
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า แม้ไม่เห็นด้วยต่อการตั้งข้อหาบริจาคเงินเข้าพรรค ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่ใช้ความอยุติธรรมมากดดันพรรคประชาธิปัตย์แต่เราก็ไม่ใช้วิธีการกดดันข่มขู่ เดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาอย่างพร้อมเพรียงกัน โดยจะใช้สิทธิตามกฎหมายในการปกป้องสิทธิของตัวเอง แม้แต่ กกต.ก็มีความเห็นว่า ส.ส.ของพรรคไม่ได้ทำผิดกฎหมาย เพราะการหักเงินจากเงินเดือนมีที่มาที่ไปชัดเจนในการบริจาคให้พรรค แต่ดีเอสไอก็ยังเดินหน้าหาเรื่องจึงคิดว่าดีเอสไอต้องรับกรรมที่ทำ และข้าราชการที่ยอมเป็นเบี้ยให้นักการเมืองสุดท้ายต้องรับกรรมเพราะนักการเมืองจะตัดหางปล่อยวัดในวันที่ความจริงปรากฏ
“แต่ขอย้ำให้เห็นความแตกต่างว่า การกลั่นแกล้งพรรคประชาธิปัตย์ที้งที่ไม่ทำผิดเราต่อสู้ตามกฎหมาย แต่พรรคเพื่อไทยกลับใช้มวลชนไปกดดันศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งถือเป็นประเทศเดียวในโลกที่รัฐบาลมีลิ่วล้อเป็นกุ๊ย อันธพาล คอยข่มขู่องค์กรอื่นที่ตรวจสอบรัฐบาล จึงต้องเรียกรัฐบาลชุดปัจจุบันว่าเป็นรัฐบาลกุ๊ย รัฐบาลอันธพาล เพราะเป็นตัวตั้งตัวตีในการข่มขู่ คุกคามศาล ซึ่งนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต้องทบทวนว่าจะปล่อยให้รัฐนาวาของตัวเองเป็นเช่นนี้หรือ โดยต้องกำชับให้คนของตัวเองยุติพฤติกรรมเหล่านี้” นายชวนนท์กล่าว