“ดร.เสรี” จัดหนัก “ยิ่งลักษณ์” บริหารประเทศห่วย ข้าวของแพง ทำงานตามใบสั่งแม้ว โกงกินเอื้อพวกพ้อง ใช้เผด็จการสภาฯพวกมากลากไป ปล่อยอันธพาลครองเมือง ระบบ ขรก.-ตร.เสื่อมมุ่งแต่อวยช่วยเชลียร์ เตือน ปชช.ไม่รู้ร้อนรู้หนาว ระวังน้ำตาตกใน เสียรู้ปล่อยให้ยึดอำนาจครอบงำประเทศ ชี้เป็นชี้ตายได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ 27 เม.ย. ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนและการตลาด โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว ดร.เสรี วงษ์มณฑา จั่วหัวว่า “สิ่งที่จะขอพูดด้วยความเป็นห่วงประเทศไทยในประเด็นต่อไปนี้ หากใครเห็นว่าไม่จริงก็แย้งมาอย่างสุภาพด้วยเหตุและผลนะ อย่าด่ากัน อย่าต่อว่ากัน อ่านแล้วไม่สบายใจเพราะไม่เห็นด้วย ก็ไม่ต้องอ่านจนจบ
1. เรามีนายกรัฐมนตรีที่ไร้ความสามารถ สติปัญญาไม่เพียงพอที่จะบริหารประเทศ ไม่มีภาวะผู้นำ ไม่มีความพร้อมในการปฏิบัติหน้าที่ ทำให้ประเทศไทยขายหน้าบ่อยๆ เพราะความที่เป็นคนที่ "ไม่ใช่" ทำให้ไม่มีความพร้อมที่จะตอบคำถามหรือแสดงวิสัยทัศน์
2. เรามีรัฐมนตรีที่ไม่มีความสามารถและไม่มีความเหมาะสมหลายคน และแต่ละคนไม่สามารถเป็นตัวของตัวเองได้ เพราะจะต้องทำงานตามใบสั่งของนายใหญ่ที่ดูไบ ทำให้การทำงานต่างๆเป็นไปตามวาระส่วนตัวของนายใหญ่ไม่ใช่วาระประชาชน
3. ขณะนี้ระบบรัฐสภาของเราล่มสลายไปแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือเผด็จการทางรัฐสภาที่อ้างเสียงข้างมาก แต่เป็นเสียงข้างมากที่ไม่ได้ใช้การถกอภิปรายกันในสภาเป็นข้อมูลในการพิจารณาการออกเสียง แต่จะทำตามสั่ง ดังนั้น ส.ส. และ สว. ที่สนับสนุนรัฐบาลย่อมออกเสียงสนับสนุนรัฐบาลทุกเรื่อง การทัดทานทักท้วงทั้งในสภานอกสภาไม่มีความหมาย ทำให้ประเทศไทยกำลังเผชิญกับปัญหาต่างๆ มากมายจากการยกมือของ ส.ส. และ ส.ว. ที่สนับสนุนรัฐบาล อันได้แก่
3.1 การแก้รัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะมาตรา 68 ที่ลิดรอนสิทธิ์ของประชาชน
3.2 มีความพยายามที่จะออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเพื่อฟอกผิดให้นายใหญ่จะได้กลับบ้านอย่างเท่ๆ
3.3 ออก พรบ. เงินกู้ 2.2 ล้านเพื่อพัฒนาขนส่งมวลชน แทนที่จะใช้ พ.ร.บ.งบประมาณที่จะทำให้ตรวจสอบได้ง่ายกว่า
3.4 รัฐบาลจะทำอะไรผิดถูกอย่างไรทำได้หมด การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ต่อให้ฝ่ายค้านมีข้อมูลดีแค่ไหนก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะในที่สุด ส.ส.รัฐบาลก็ยกมือให้รัฐมนตรีทุกคนผ่านความไว้วางใจ
4. มวลชนเสื้อแดง (บางคน บางพวก) เหิมเกริมถึงขนาดจะตั้ง สน.ประชาชนจับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีการข่มขู่ศาล การกระทำเช่นนี้ หากนายกฯ หรือแกนนำเสื้อแดงจะห้ามก็ห้ามได้ แต่ไม่ห้าม ซึ่งน่าจะตีความได้ว่า "ส่งเสริม" หรือ "เห็นด้วย" กับการกระทำดังกล่าว
5. สื่อมวลชนบางราบละทิ้งอุดมการณ์แห่งวิชาชีพ ทำงานอย่างไร้จรรยาบรรณ บิดเบือนข่าว ขาวเป็นดำ ดำเป็นขาว มีส่วยนทำลายประเทศไม่แพ้นักการเมืองที่ขี้โกง
6. การคอร์รัปชันยังเป็นเหมือนเนื้อร้ายที่เกาะกินประเทศไทยที่เป็นอันตรายมาก
7. ค่าครองชีพของเราสูงขึ้นมาก ทั้งนี้เพราะความแพงของพลังงาน โดยเฉพาะราคาน้ำมันที่แพงเกินกว่าเหคุมากๆ เพราะ ปตท.ทำกำไรมากเกินไป และไม่ฟังเสียงทัดทานของประชาชน
8. ตำรวจรับใช้รัฐบาลในระดับที่เกินความพอดี จนทำให้ประเทศไทยอยู่ในข่ายรัฐตำรวจ ดูได้จากการปฏิบัติตนของตำรวจที่ทำกับผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาล กับการชุมนุมของเสื้อแดง การเพิกเฉยต่อการทำผิดของคนในซีกรัฐบาล และการจัดการกับคนที่ต่อต้านรัฐบาล
9. ข้าราชการบางคนทุ่มเทรับใช้รัฐบาล จนถึงระดับกลั่นแกล้ง สร้างปัญหาให้กับบุคคลที่อยู่ฝ่ายตรงกันข้ามกับรัฐบาลด้วยการอาศัยกฎหมายและตำรวจ
10. มีความพยายามที่จะปิดปากทุกคนที่พูดจาขัดแย้งกับรัฐบาล ด้วยการมือ "มือร้อง มือฟ้อง" ไว้บั่นทอนกำลังใจของคนที่ต้องการให้ข้อเท็จจริงกับประชาชน เพราะเกรงว่าจะไปทำลายความเชื่อของประชาชนที่รัฐบาลพยายามครอบงำ เช่น
10.1 ทักษิณถูกกลั่นแกล้งโดยอำมาตย์ขี้อิจฉา
10.2 กระบวนการยุติธรรมของไทยไม่ยุติธรรม ลำเอียงทำงานตามใบสั่งของอำมาตย์
10.3 ทักษิณไม่อาจกลับเมืองไทยได้เพราะกลุ่มอำมาตย์ไม่ยอมให้กลับ
10.5 ทักษิณคือนายกรัฐมนตรีที่ดีที่สุด มีนโยบายประชานิยมที่พวกเขาได้ประโยชน์
11. ประเทศไทยแปลกกว่าประเทศอื่นคือไม่มีม็อบที่ต่อต้านรัฐบาล เพราะไม่มีใครกล้าออกมา กลัวตำรวจจัดการ แต่เรามีม็อบคนฝ่ายรัฐบาลที่ออกมาต่อต้านคนที่ขัดแย้งกับรัฐบาล เช่นศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย
12. ประเทศไทยอยู่ในสภาวะแห่งความกลัว นักวิชาการไม่กล้าแสดงความคิดเห็นขัดแย้งกับรัฐบาล ข้าราชการไม่กล้าขัดใจรัฐบาล สื่อมวลชนไม่กล้าทำข่าวที่รัฐบาลไม่พอใจ สถานีโทรทัศน์ไม่กล้านำเสนอรายการที่ทำให้รัฐบาลไม่พอใจ นักธุรกิจกลัวถูกรัฐบาลกลั่นแกล้ง ไม่กบ้าแสดงความคิดเห็นตรงไปตรงมาถ้าหากความคิดนั้นขัดใจรัฐบาล
13. ทักษิณยังคงมีอิทธิพลเหนือประเทศไทยด้วยการกำกับการทำงานของรัฐบาล ทุกนโยบาย ทุกความเคลื่อนไหว ทุกการเปลี่ยนแปลงต้องได้ไฟเขียวจากทักษิณ ทำให้ประเทศไทยตกต่ำย่ำแย่ ทั้งนี้เพราะสิ่งที่ทักษิณต้องการก็คือการพ้นผิดทุกคดีและได้เงิน 46,000 ล้านคืน ซึ่งคนที่รักความยุติธรรมยอมรับไม่ได้ ความขัดแย้งจึงดำรงอยู่ต่อไป ยากที่จะเยียวยาได้
14. มีนักธุรกิจบางคนกลัวม็อมมาก จะห้ามไม่ให้คนออกมาชุมนุมต่อต้านรัฐบาล กลัวกระทบการลงทุน การท่องเที่ยว และส่งผลเสียหายต่อเศรษฐกิจ จะกล้าด่ากล้าว่าเฉพาะม็อบต่อต้านรัฐบาล แต่ไม่กล้าต่อว่าการกระทำที่ไม่ถูกต้องของรัฐบาล ไม่กล้าตำหนิการกระทำที่ไม่ถูกต้องของคนเสื้อแดง กลัวพวกเขาจะออกมาอีก เพราะนักธุรกิจเหล่านี้เข็ดกับม็อบที่ยึดราชประสงค์และสีลม ยังรู้สึกหลอนและกลายเป็นพวก mob phobia ไปแล้ว
15. โครงการและนโยบายของรัฐบาลหลายอย่างกำลังพ่นพิษ โดยเฉพาะนโยบายจำนำข้าว แต่รัฐบาลก็ไม่เคยฟังคำทักท้วงและไม่คิดจะแก้ไจ
16, ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นเวลานี้คือเศรษฐกิจไทยกำลังตกต่ำ ส่งออกกำลังย่ำแย่ เรากำลังถังแตก เพราะเราไม่มีวินัยทางการคลัง รัฐมนตรีก็อวยความต้องการของนายใหญ่ ไม่เคยทักท้วง
17. นายกรัฐมนตรีไม่มีวันที่จะรู้ตัวว่าทำอะไรผิดพลาด เพราะ สส. หนุน สื่อมวลชนบางรายเชลียร์ องค์กรต่างๆ อวยช่วยให้รางวัล และอยู่ภายใต้การพิทักษ์ขององครักษ์เสื้อแดง
18. ตอนนี้ยุทธศาสตร์ของนายใหญ่คือเดินหน้า รุกหนัก เข้มข้น เพราะหลายยุทธศาสตร์ที่ทำมาไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร คดีต่างๆ ก็วิ่งไล่มาเรื่อนๆ ดังนั้นจึงมีม็อบเสื้อแดงที่รุนแรง มีการนำเอาวาระต่างๆ ที่ตนเองต้องการเข้าสภา เดินหน้าเต็มที่ มั่นใจเสียงข้างมาก ซึ่งอาาจะส่งผลทำให้การเมืองของประเทศไทยร้อนแรงขึ้น จนคนไทยหาความสุขได้ยาก
19. กรณีพิพาทพื้นที่รอบเขาพระวิหารมีอะไรหลายอย่างที่ทำให้เราไม่สบายใจกับท่าทีของรัฐบาล
20. เรื่องภาคใต้ก็รุนแรงขึ้นทั้งๆที่รัฐบาลกำลังดำเนินการเจรจากับฝ่ายตรงกันข้าม
เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ เราคิดว่าเราอยู่ในสภาวะปรกติหรือกำลังคืบคลานสู่ภาวะวิกฤต เราจะนั่งดูกันไปเรื่อยๆ จนถึงวันที่เกิดวิกฤต หรือเราจะคิดอ่านทำอะไรกันในด้านการเมืองภาคประชาชน ระวังเถอะถ้าหากเราใช้แนวทาง wait and see ไปเรื่อย ถ้าหากรัฐบาลเขาดำเนินการในสภาไม่สำเร็จ เขาใช้แนวทางของจอมพลสฤษดิ์ ขึ้นมาวันใด วันนั้นอาจจะไม่มีน้ำตาจะหลั่งให้กับโลงศพที่เขาเอามาตั้งวางให้เราเห็นแล้วสั่งให้เราก้าวลงโลงไป”
จากนั้น ดร.เสรี ได้โพสต์ตอบความเห็นแย้งในเพจตนเองว่า “ทำไมคนบางคนพูดไม่รู้เรื่อง บอกแล้วข้อไหนไม่จริงก็แย้งมาถกมา ไม่ใช่มาด่ากันว่าอคติ แล้วตัวเองดีแล้วหรือ ไปเป็นนายกฯ เสียเองซิ เขียนทำไม ลุกขึ้นมาแก้ไขซิ เราไม่ใช่นักการเมือง เราไม่มีอำนาจ เราไม่มีปัจจัย เราไม่มีกำลัง แต่เรามีความคิด เรามีความสามารถในการวิเคราะห์ เรามีความสามารถในการนำเสนอ บทบาทและหน้าที่เราทำได้แค่นี้ คนอื่นที่อยู่ในฐานะอื่น บทบาทอื่น ตำแหน่งอื่น ทำอะไรได้แค่ไหน ต้องข่วยกันทำซิคะ ไม่ใช่ใครนำเสนอ คนนั้นก็ต้องเอาไปทำ ถ้าเป็นอย่างนั้น คำว่า "แบ่งงานกันทำตามหน้าที่ บทบาทและความสามารถจะมีความหมายอะไร" คิดกันกว้างๆ หน่อยนะ ไม่ใช่พอไม่พอใจความคิดหรือจ้อเสนอแนะ ไม่ถกไม่เถียง ไม่แย้งเอาแต่ด่าเอาแต่ว่าเอาแต่ประชดกระแทกแดกกัน ทำอย่างนี้เพื่ออะไร ประเทศชาติจะได้อะไรจากการด่ากัน แต่การเสนอความคิดให้ทุกคนเก็บไปคิดเก็บไปทำเก็บไปต่อยอดซิคะจึงจะมีประโยชน์ แค่นี้คิดได้ไม่ยากนะคะถ้าหากใจกว้าง ไม่เห็นด้วยข้อไหนก็ว่ามา หาเหตุผลและหลักฐานมาแย้งอย่างกัลยณมิตรซิคะ ปรองดองจึงจะเกิดได้ ด่ากันจะดีกันได้ไง”
“ขอโทษท่านที่คุยด้วยไมตรีนะคะที่อ่านจะไม่ได้อ่านทุกถ้อยคำที่ถกอภิปรายกันมา เพราะอ่านไปแล้วก็ไม่เข้าใจคนบางคนทำไมหาเรื่องเาจัง เราเคยพูดไหมว่าเราเก่งที่สุด เราเชื่อในประโยคที่ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า หรือเดินมาด้วยกันสามคนอีกสองคนเป็นครูเราได้ ที่เรามีความรู้มาทุกวันนี้เพราะเราทำตัวเป็นแก้วที่พร่องน้ำให้คนอื่นเติมความรู้ให้เราได้เสมอ อีกคนบอกว่าเราขอร้องคนอย่ามาด่ากันเลย ก็มาหาว่าเราด่าคนอื่นเสียๆหายแล้วมาห้ามไม่ให้คนด่า ช่วยหาข้อความที่เราใช้ถ้อยคำด่าที่หยาบคายหรือการประเมินคนที่เข้ามาในเพจเราให้เราได้เตือนใจเราหน่อยได้ไหม ว่าเราด่าคนอื่น เราจำได้ว่าเรามีแต่การวิพากษ์วิจารณ์ตามข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์ด้วยถ้อยคำที่สุภาพ แต่ความหมายของถ้อยคำอาจจะโดนหรือกระทบใครบางคนแรงๆก็เพราะเขาเป็นอย่างที่เราว่า (ด้วยถ้อยคำที่สุภาพ) และเขารู้สึกเจ็บแสบ แต่ไม่ได้วิเคราะห์ว่าตัวเองเป็นอย่างที่เราว่าหรือไม่ แค่ถูกกระทบก็มาโกรธเราและมองผิดๆว่าเรา "ด่าแรง" ซึ่งไม่ใช่แน่นอน เราไม่เคยด่า เรามีแค่วิเคราะห์และวิพากษ์เท่านั้น ยืนยันค่ะ”
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ดร.เสรีได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวอีกรอบในวันเดียวกัน ดังนี้ “เซ็ง รำคาญ คนที่พูดไม่รู้เรื่อง บอกแล้วว่าไม่เห็นด้วยข้อไหนอย่างไรก็ว่ามา แต่นี่มาด่าว่าเราอีกแล้ว เป็นดอกเตอร์คิดได้แค่นี้เหรอ สงสารลูกศิษย์จัง ไหนบอกว่าจะไม่พูดไง ดีแต่ปาก ชักจะทนสุภาพต่อไปไม่ได้แล้ว ชักจะทนถ่อมตนไม่ได้แล้ว ทำไมพวกคนถึงจิตใจคับแคบกันขนาดนี้ ทำไมคุณไม่แย้งเป็นประเด็นละคะ ทำไมไม่แย้งแม้แต่ประเด็นเดียวละคะ แต่ด่าเราแบบเหมารวมโดยไม่มีประเด็นแย้งเจาะจง
1. เราไม่ใช่คนเก่งที่สุดในประเทศไทย แต่จากผลการเรียน การทำมาหากิน การทำงานทั้งภาครัฐและเอกชน โล่เหรียญและรางวัลที่เราได้เรามั่นใจว่าเราเป็นคนเก่งคนหนึ่งในประเทศไทยแน่นอน ไม่มีอาชีพอะไรที่เราจับแล้วไม่ได้อยู่ในระดับแนวหน้าหรือไม่เป็นที่ยอมรับของคนในวงการ ก็มีแต่พวกคุณบางคนที่เข้ามาด่าเราในเพจนี้แหละที่คิดว่าเราโง่ เราไม่เก่ง ไม่มีผลงาน
2. เราเขียนทุกอย่างจากการสังเคราะห์วิเคราะห์ของเราจากการติดตามข่าวจากทุกๆแหล่งทั้งสื่อสารมวลชนและสื่อบุคคล แต่ก็มีคนเข้ามาในเพจพูดสื่อเป็นนัยว่าเราเก็บขี้ปากคนใน ASTV มาพูด เราเชื่อว่าคนใช้ปัญญาเหมือนกัน ใช้ข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์เหมือนกัน ย่อมวิเคราะห์ได้ดหมือนกัน ดังนั้นอย่ากล่าวหาว่าเราไปเก็บขี้ปากใครมา
3. คุณไม่ต้องห่วงลูกศิษย์ของเรา เอาว่า 90% ขึ้นไปรักเรา หลายครจบไปแล้วยังวนเวียนมาหาเรา มาขอบคุณเรา หลายคนเป็นใหญ่เป็นโตทั้งในภาครัฐและเอกชน มีจำนวนไม่น้อยบอกกับเราชัดๆว่าเขาได้เรียนรู้อะไรจากเราเอาไปทำงาน นอกจากลูกศิษย์อย่างเป็นทางการในห้องเรียนแล้ว เรามีคนที่เต็มใจจะเป็นลูกศิษย์ของเราเป็นเรื่อหมื่นเรือนแสน คุณที่คิดต่างและด่าเราอย่างรุนแรงแทนที่จะถกแย้งอย่างสุภาพ คุณไม่คิดจะพิจารณาศึกษาหาสาเหตุของความแปลกแยกของตัวคุณเองบ้างหรือไร เอะหรือคุณคิดว่าคุณน่าจะโดดเด่นเป็นพิเศษกว่าคนอื่นหลายหมื่นหลายแสนที่เขาคิดไปในทางเดียวกัน ถ้าคุณคิดอย่างนั้นก็น่าสงสารนะ คนที่ไม่เห็นด้วยแล้วแย้งเป็นประเด็นอย่างสุภาพเขาก็มีและเป็นที่ต้อนรับของแฟนๆในเพจนี้ คุณไม่คิดจะทำอย่างนั้นบ้างหรือ คิดว่าการด่า ดร. เสรีเป็นประสบการณ์พิเศษของชีวิตกระนั้นหรือ มีความสุขมากก็ทำไปเรื่อยๆเถอะเราจะคิดว่าทำกุศลที่ทำให้คุณมีความสุข และเราขอแบ่งกุศลที่เราทำให้คุณได้ปรับความคิดของคุณให้ใกล้เคียงกับวิญญูชนทั้งหลายที่เป็นแฟนเพจนี้ด้วย
4. เราไม่ได้คิดว่ารัฐบาลนี้เลวและไร้ความสามารถหลังจากเขาเป็นรัฐบาล เราไม่ได้อวดเก่งว่าเราเหนือพวกเขา แต่เรามั่นใจว่าเรามีคุณธรรมมากกว่าพวกเขา เราไม่ได้ปฏิเสธว่าเขาได้เสียงข้างมากแล้วจะต้องได้เป็นรัฐบาล วันที่ยิ่งลักษณ์ได้รับการแต่งตั้งเราก็ไม่เคยค้าน เพราะเห็นว่าเธอเคยเป็น CEO ของบริษัทใหญ่ แต่เมื่อทำงานแล้วเธอแสดงระดับสติปัญญาเธออย่างที่เราเห็นแล้วจะใหความรู้สึกยอมรับเหมือนเดิมได้อย่างไร โครงการของเธอหลายโครงการเป็นอันตรายต่อประเทศจากการวิเคราะห์ของเรา คุณจะมาห้ามไม่ให้เราพูดวิจารณ์ได้อย่างไร เรารักและห่วงความมั่นคงของประเทศนะ
5. ดูเหมือนยังมีคนจะยัดเยียดความเป็นประชาธิปัตย์ให้กับเรา เช่นบอกว่าเวลาประชาธิปัตย์เป็นไม่เห็นด่า แสดงว่าคุณไม่ได้ตามงานเรา ประชาธิปัตย์โดนเราด่าทั้งเรื่องยโสโอหังไม่ฟังใคร หามิตรไม่เป็น จอบคุณคนไม่เป็น ทำงานล่าช้าไม่กล้าตัดสินใจ หาเสียงไม่เป็น ไม่ติดดิน ไม่เข้าถึงประชาชน อยู่ได้เพราะบุญเก่า บางคนก็ทำให้โดนด่าได้ว่าไม่ได้ดีไปกว่าเพิ่อไทยแต่ผลวานสู้เพื่อไทยไม่ได้ แต่ยังไงเราก็มั่นใจว่าประชาธิปัตย์ไมมีความคิดเริ่องล้มเจ้า ไม่ขายชาติและไม่มีการเอาผลประโยชน์ของประเทศไปแลกกับผลประโยชน์ทางธุรกิจของตนเองและครอบครัว ไม่คิดยึดเอาสมบัติชาติมาเป็นของตน ไม่เลี้ยงม็อบนักเลง (แม้ว่าอาจจะเคยอยู่เบื้องหลังการชุมนุมบ้างก็ได้). ไม่หนีคดี ไม่ดูถูกกระบวนการยุคิธรรมของไทย โดนคดีก็สู้ ผิดถูกว่ากันตามกฎหมาย ไม่คิดใช้จำนวนมือในสภาฟอกความผิด ส่วนคำว่า "เผด็จการทางรัฐสภา" นั้นจะเป็นวาทกรรมของใครไม่รู้ แต่เราพูดของเราเอง สิเคราะห์จากการลงคะแนนของ ส.ส. ซีกรัฐบาลที่ไม่เคยแตกแถว ไม่เคยนำเอาข้อมูลจากการอภิปรายไปใช้เป็นพื้นฐานในการตัดสินใจลงคะแนน
เราพูดกับคุณทั้งๆ ที่แฟนเพจหลายคนต้องการให้เรามองคุณเป็นอากาศธาตุ บางคนใช้คำว่า 'อย่าลดตัว" มาตอบโต้กับพวกคุณ แต้เราไม่มองคุณเป็นอากาศธาติ เราคุยกับคุณเราไม่ถือว่าเราลดตัว เพราะเรากับคุณก็คือคนไทยภายใต้พระบารมีเดียวกับ เรามาช่วยกัยเปิดโลกทัศน์ให้กันและกันดีกว่า แต่ความก้าวร้าวของพวกคุณ ตรรกะบางอย่างของพวกคุณ คำด่าทอของพวกคุณที่หลายครั้งหยาบคาย การด่วว่าเราโง่ เรายกตนข่มท่าน เราอวดดี เราดูถูกคนอื่นนั่นแหละที่อาจจะทำลายขันติธรรมของเรา ซึ่งเราไม่อยากจะเป็นคนหยาบคายหรือก้าวร้าวเลย ขอร้องนะ อย่าทำลายความตั้งใจดีของเราที่พยายามจะนำเอาแสงสว่างจากปัญญามาแบ่งปันกับเพื่อนร่วมชาติ มาเรียนรู้จากกันและกัน มาให้กำลังใจซึ่งกันและกัน มารวมพลังร่วมอุดมการณ์เดียวกกัน นั่นคือความรักชาติรักแผ่นดิน”