xs
xsm
sm
md
lg

ทีมสู้คดีพระวิหารเผยส่ง “พงศ์เทพ” ถกมือ กม.หัวนอก “วีระชัย” ปัดพูดเขตอำนาจศาลโลก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเฮก (ภาพจากแฟ้ม)
รองปลัด กห.เผยที่ประชุมสู้คดีพระวิหาร “ยิ่งลักษณ์” พอใจผลงาน ส่ง “พงศ์เทพ” ถกทีมที่ปรึกษาด้านกฎหมายชาวต่างชาติ เน้นทำงานเอกภาพ ชี้ ศาลโลกไม่กล้าแตะเส้นเขตแดน เชื่อศึกน้ำลาย “ฮุน เซน-อภิสิทธิ์” ไม่กระทบคดี ด้านทูตไทยประจำกรุงเฮก เผย คำชี้แจงต่อศาลโลกใกล้เสร็จแล้ว ปัดพูดแนวทางสู้คดี-เขตอำนาจศาลโลก พบก่อนหน้าแถลงข่าวหลอดไฟตึกนารีสโมสรระเบิด วิจารณ์แซ่ดหวั่นลางร้าย


วันนี้ (25 ม.ค.) ที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายณัฎฐวุฒิ โพธิสาโร รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะคณะเผยแพร่ข้อมูลและข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการต่อสู้คดีปราสาทเขาพระวิหาร กล่าวภายหลังการประชุมแนวทางการต่อสู้คดีปราสาทเขาพระวิหาร ร่วมกับ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง ว่า ที่ประชุมได้รับทราบการดำเนินงานของ นายวีระชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตประจำกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในฐานะหัวหน้าคณะทีมกฏหมายไทย ในคดีข้อพิพาทกรณีปราสาทเขาพระวิหารต่อในในศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก) โดยที่ประชุมพึงพอใจในแนวทางการต่อสู้ของคณะทำงาน

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้ให้ความคิดเห็นบางประการ ซึ่งคณะทำงานดังกล่าวจะนำความคิดเห็นนี้ไปปรับปรุงให้แนวทางการต่อสู้ให้เฉียบคมยิ่งขึ้น ขณะที่ฝ่ายทหารก็ทำหน้าที่ด้านการรักษาอธิปไตย ส่วนกระทรวงการต่างประเทศก็ดูด้านความสัมพันธ์กับทุกฝ่ายให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดี

ผู้สื่อข่าวถามว่า การตอบโต้ระหว่างฝ่ายค้านไทย กับสมเด็จฯ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา จะมีผลต่อการสู้คดีปราสาทเขาพระวิหารครั้งนี้หรือไม่ นายณัฏฐวุฒิ กล่าวว่า ต้องแยกแยะออกจากกัน การโต้ตอบของฝ่ายค้านนั้นเป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ต้องดำเนินการแก้ไขทางการทูตต่อไป ส่วนการดำเนินคดีนี้ คณะทำงานจะดูเรื่องสารัตถะของคดีเป็นสำคัญ

เมื่อถามว่ามีข้อห่วงใยในการชี้แจงทางวาจาต่อศาลโลกในเดือน เม.ย.นี้หรือไม่ นายณัฏฐวุฒิกล่าวว่า เมื่อได้รับฟังจากนายวีรชัย ทำให้ทุกฝ่ายก็มีความมั่นใจ และคิดว่ามาถูกทางแล้ว ส่วนการประเมินคำพิพากษาของศาลโลกเมื่อปี 2505 นั้น ที่ประชุมก็มีการพูดถึงเรื่องนี้ แต่ต้องดูก่อนว่าเดือน เม.ย.นี้สำนวนคดีของฝ่ายกัมพูชาที่จะชี้แจงเป็นอย่างไร ในส่วนการทำความเข้าใจกับประชาชนนั้น ที่ผ่านมาคณะทำงานได้ดำเนินการมาตลอด มีการผลิตสื่อออกมาเป็นระยะ ส่วนมีการดูแลแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นั้น ทางกองทัพยืนยันว่าจะทำหน้าที่รักษาอธิปไตยของไทยอย่างเต็มที่

นายณัฏฐวุฒิ กล่าวด้วยว่า ในที่ประชุมนายกฯ มอบหมายให้ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ศึกษาธิการ เป็นผู้นำคณะไปที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในวันที่ 8-9 ก.พ.นี้ ที่จะมีการหารือกับทางทีมที่ปรึกษาด้านกฎหมายชาวต่างชาติ เพื่อเตรียมการเรื่องสำนวนคดี และนายกฯ ยังได้เน้นย้ำในเรื่องการทำงานเป็นเอกภาพ ให้มีการทำงานใกล้ชิดระหว่างกระทรวงการต่างประเทศ คณะทำงานต่อสู้คดี และทางกองทัพ หากหน่วยงานใดที่คิดว่ามีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ก็จะนำเสนอเพื่อนำไปใช้ ทั้งนี้ ข้อมูลบางเรื่องคงจะเปิดเผยไม่ได้ เพราะอาจทำให้ข้อมูลรั่วไหลได้ คงตอบได้เพียงว่าเรามั่นใจในการทำหน้าที่ของเรา ส่วนผลการตัดสินเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับศาลโลก และต้องดูที่น้ำหนักในการต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายด้วยว่าเป็นอย่างไร

เมื่อถามว่า หากผลการตัดสินของศาลโลกออกมาไม่เป็นผลดีต่อประเทศไทย จะมีแนวทางแก้ไขสถานการณ์อย่างไร นายณัฏฐวุฒิ กล่าวว่า ก็ต้องติดตามเป็นระยะ ช่วงนี้จะเป็นการทำงานเรื่องการต่อสู้คดีเสียก่อน หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการให้การทางวาจาในเดือน เม.ย. แล้ว คงต้องมาประเมินว่าน้ำหนักการต่อสู้จะเป็นไปในทางไหน ทั้งนี้ คาดว่า การประชุมครั้งต่อไปจะมีขึ้นหลังจากที่คณะเดินทางกลับจากกรุงลอนดอน

นายณัฏฐวุฒิ อธิบายด้วยว่า กรณีมาตรา 60 ของธรรมนูญศาลโลก ให้สิทธิคู่กรณียื่นขอตีความหากมีความเห็นไม่ตรงกับคำพิพากษา โดยไม่ได้กำหนดระยะเวลา ซึ่งครั้งนี้ทางฝ่ายกัมพูชาก็เห็นว่า เรามีความเห็นแย้งในคำตัดสินเมื่อปี 2505 จึงให้ศาลโลกตัดสินว่าพื้นที่รอบปราสาทพระวิหารมีขอบเขตแค่ไหน ซึ่งฝ่ายไทยก็ได้นำประเด็นที่ศาลโลกไม่เคยตัดสินในกรณีเส้นเขตแดนขึ้นมาต่อสู้ โดยเมื่อปี 2505 ศาลได้ตัดสิน 3 ประเด็น คือ 1.ปราสาทพระวิหารอยู่ภายใต้อธิปไตยของกัมพูชา 2.ขอให้ฝ่ายไทยถอนกองกำลังออกจากปราสาทและพื้นที่โดยรอบ และ 3.ให้ฝ่ายไทยคืนวัตถุโบราณที่ครอบครองตั้งแต่เมื่อปี 2497 ให้กับทางกัมพูชา

“ศาลตัดสินไว้แค่ 3 ข้อ โดยไม่ได้ชี้เรื่องเขตแดน ตรงนี้คือแนวต่อสู้ของเรา และเราจะชี้ให้ศาลเห็นว่า ไม่สามารถที่จะตีความนอกเหนือคำพิพากษาเดิมได้ เราก็มีความมั่นใจ ส่วนที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับศาล” นายณัฏฐวุฒิ ระบุ

เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้ ศาลโลกได้มีคำสั่งคุ้มครองให้ทั้งสองฝ่ายถอนทหารออกจากพื้นที่ นายณัฏฐวุฒิ กล่าวว่า เป็นกระบวนการที่กำลังดำเนินการอยู่โดยทางกองทัพ ซึ่งรวมไปถึงการเก็บกู้ทุ่นระเบิด หลังจากนั้นหากพื้นที่มีความปลอดภัยแล้ว ก็จะเริ่มกำหนดพื้นที่การถอนกำลังต่างๆ โดยคณะเก็บกู้ทุ่นระเบิดจะเข้าไปในช่วงปลายเดือน ก.พ.นี้

ด้าน นายวีรชัย ซึ่งเพิ่งเดินทางกลับประเทศไทยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เพื่อเข้าร่วมประชุมดังกล่าว เปิดเผยว่า คำชี้แจงทางวาจาที่จะกล่าวต่อศาลโลกใกล้มีความสมบูรณ์แล้ว เหลือเพียงรายละเอียดบางส่วน และเมื่อถามว่า การต่อสู้คดีปราสาทเขาพระวิหารตอนนี้กับคดีเมื่อปี 2505 แตกต่างกันอย่างไร นายวีรชัย กล่าวว่า คดีเมื่อปี 2505 ถือเป็นคดีใหม่ แต่ครั้งนี้เป็นการตีความตามคำพิพากษาของคดีเก่า ดังนั้น จึงถูกกำหนดกรอบว่าเป็นคดีการตีความ

ภายหลังการแถลงข่าวผู้สื่อข่าวพยายามถามถึงแนวทางการต่อสู้คดี โดยเฉพาะเรื่องเขตอำนาจศาลโลก แต่ทางนายวีรชัยปฏิเสธที่จะแสดงความเห็น โดยกล่าวเพียงว่า ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากเกรงว่าจะกระทบต่อรูปคดีที่ขณะนี้อยู่ในชั้นศาล อย่างไรก็ตามทางคณะทำงานพร้อมที่จะรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย

มีรายงานว่า ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 16.30 น.ภายหลังที่การประชุมคณะกรรมการคดีปราสาทเขาพระวิหารเสร็จสิ้น นายณัฎฐวุฒิ และ นายวีระชัย ได้เดินออกมาจากตึกไทยคู่ฟ้าเพื่อแถลงผลการประชุมต่อสื่อมวลชนหลายสำนักที่ปักหลักรออยู่บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า โดยสื่อมวลชนเสนอว่าควรไปแถลงที่ตึกนารีสโมสร ซึ่งเป็นสถานที่แถลงข่าวอย่างเป็นทางการจะสะดวกกว่า แต่เมื่อนายณัฐวุฒิ และนายวีระชัย พร้อมคณะสื่อมวลชนเดินเท้ามายังตึกนารีสโมสร ปรากฎว่าภายในห้องแถลงข่าวด้านในอยู่ในสภาพที่ไม่พร้อมใช้งาน เนื่องจากไม่มีการแจ้งล่วงหน้า

โดยในขณะที่เจ้าที่พยายามเร่งเปิดไฟ และจัดเตรียมสถานที่ ปรากฏว่า มีเสียงระเบิดดังขึ้นที่ด้านหน้าห้องทำงาน นายทศพร เสรีรักษ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ภายในตึกนารีสโมสร ท่ามกลางเสียงตกใจของผู้อยู่ในเหตุการณ์ เมื่อตรวจสอบพบว่าเป็นหลอดไฟที่ติดอยู่ในโคมไฟระย้า ซึ่งประดับอยู่บนเพดานตึกเกิดระเบิดขึ้นโดยกะทันหัน ทำให้เศษแก้วจากหลอดไฟกระจายอยู่ทั่วบริเวณบนพื้นห้องตึกนารี อย่างไรก็ตามเหตุการณ์นี้ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ แต่กลายเป็นเรื่องวิพากษ์วิจารณ์กันในกลุ่มผู้อยู่ในเหตุการณ์ ว่า อาจเป็นลางร้ายในการต่อสู้คดีเขาพระวิหาร

นอกจากนี้ อีกประมาณ 1 ชั่วโมงต่อมา หลังการแถลงข่าวของนายณัฎฐวุฒิ และ นายวีระชัยเสร็จสิ้นลง ขณะที่ผู้สื่อข่าวปฏิบัติหน้าที่อยู่ภายในห้องผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล หรือรังนกกระจอก ปรากฏว่า มีเสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้งจากตึกนารีสโมสรโดยไม่ทราบสาเหตุ โดยคาดว่า เสียงระเบิดดังกล่าวน่าจะเป็นหม้อแปลงไฟฟ้าที่ติดอยู่หลังตึกนารีสโมสรเกิดลัดวงจร ส่งผลให้ไฟฟ้าภายห้องผู้สื่อข่าวเกิดดับลง 10 วินาที


กำลังโหลดความคิดเห็น