ASTVผู้จัดการรายวัน-เขมรอัด "ปึ้ง" เป็นตัวตลก เหตุปูดไทยมีโอกาสชนะคดีพระวิหารที่ศาลโลก ผบ.ทบ.เตรียมลงพื้นที่วันนี้ หลังมีข่าวเขมรเพิ่มกำลังทหาร ด้านคุณตานักสู้ เปิดศูนย์ทวงคืนเขาพระวิหาร จัดพื้นที่เตรียมชุมนุมใหญ่ 12-13 ม.ค.นี้ ขณะที่ชาวบ้านภูมิซรอลยอมตาย ขุดหลุมหลบภัย ไม่หวั่นแม้จะเกิดการสู้รบซ้ำรอยปี 54 ปชป.บี้ไทยประท้วงเขมรกล่าวหาละเมิดอธิปไตย "พงศ์เทพ"นำทีมพบที่ปรึกษาที่อังกฤษหารือสู้คดี
เว็บไซต์พนมเปญโพสต์ สื่อกัมพูชา รายงานคำกล่าวของ นายเขียว กันหะริด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศของกัมพูชา ที่ออกมาแสดงความคิดเห็นหลังจากที่ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย ที่ได้กล่าวกับสื่อในไทยว่า ผลลัพธ์คดีนี้มีออกมาได้ 2 ทาง คือ ชนะคดี คือ ศาลโลกไม่รับคำฟ้อง ส่วนเรื่องเขตแดน เสมอตัวเหมือนเมื่อปี 2505 โดยนายเขียวกล่าวเกี่ยวถึงกรณีนี้ว่า มันเป็นเรื่องตลก
ด้านนายฟาย สีฟาน โฆษกสำนักนายกรัฐมนตรีกัมพูชา กล่าวว่า ความเห็นและทัศนคติที่ไม่ค่อยตรงกัน จะไม่ส่งผลกระทบไปยังศาลโลก ในการตัดสินคดีนี้แน่นอน
ด้านพล.ต.ประวิทย์ หูแก้ว โฆษกกองทัพภาคที่ 2 ได้แจงกรณีทหารกัมพูชาประชิดชายแดนไทยว่า จากการตรวจสอบเป็นเพียงการฝึกกำลังในเขตกัมพูชา ขณะนี้ฝึกเสร็จและถอนกำลังแล้ว ไม่กระทบไทย แต่แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งทหารให้เตรียมพร้อม ห้ามประมาท
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา ผบ.ทบ. จะเดินทางไปตรวจชายแดนพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ วันพฤหัสบดีที่ 10 ม.ค.นี้ หลังมีข่าวว่าทหารเขมรเสริมกำลัง เพื่อรับทราบสถานการณ์ ความคืบหน้า การปรับกำลัง และความพร้อมของ ตชด. โดยเน้นให้ฝ่ายไทยอยู่ร่วมกันอย่างสงบ
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการเคลื่อนไหวของภาคประชาชนกรณีต่อสู้คัดค้านคดีตีความคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหาร ปี 2505 ของศาลโลก ตามคำร้องประเทศกัมพูชาว่า ล่าสุดที่บ้านเลขที่ 221 หมู่ 4 บ้านโศกขามป้อม ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นบ้านของ นายผัน กิ่งแสง อายุ 75 ปี และได้จัดตั้งเป็น “ศูนย์ประสานงานหมู่บ้านสมัชชาธรรมยาตราพิทักษ์สยาม ทวงคืนเขาพระวิหาร มณฑลบูรพาโดยอนุสัญญาโตเกียว ค.ศ. 1941” ได้มีนายประทีป กีรติเรขา ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ และคณะเดินทางมาตรวจสอบและดูความเรียบร้อยในกรณีที่จะมีการจัดชุมนุมใหญ่ของกลุ่มธรรมยาตราทวงคืนเขาพระวิหารและมลฑลบูรพา และกลุ่มพลังมวลชนต่างๆ ในระหว่างวันที่ 12-13 ม.ค.นี้
ทั้งนี้ นายผัน ได้นำผู้ว่าฯ ศรีสะเกษ และคณะเดินชมรอบบริเวณที่เตรียมการจัดชุมนุม พร้อมทั้งได้นำเอกสารต่างๆ ในการต่อสู้ทวงคืนแผ่นดินไทยเขาพระวิหารให้กลับมาเป็นของชาติไทยมอบให้ผู้ว่าฯ ศรีสะเกษ และคณะได้ตรวจสอบด้วย
นายประทีป กีรติเรขา ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า ตนมาเพื่อดูความเรียบร้อยว่าสถานที่จะจัดให้มีการชุมนุมนี้เป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งประชาชนชาวไทยมีสิทธิชุมนุมเคลื่อนไหวได้โดยอยู่ภายใต้กฎหมาย และตนจะได้รายงานสถานการณ์เหตุการณ์ต่างๆ ให้หน่วยเหนือได้รับทราบต่อไป
ขณะที่นายผัน กิ่งแสง คุณตาวัย 75 ปี นักต่อสู้ทวงคืนเขาพระวิหาร ชาวศรีสะเกษ กล่าวกับผู้ว่าฯ ศรีสะเกษว่า ตนและคณะจะต่อสู้ตามแนวทางอนุสัญญาโตเกียว ค.ศ. 1941 ซึ่งขณะนี้ ได้มีการจัดเตรียมสถานที่ในการชุมนุมเคลื่อนไหวไว้เรียบร้อยแล้ว โดยนายสมาน ศรีงาม แกนนำกลุ่มธรรมยาตราฯ และคณะจะลงมาที่ จ.ศรีสะเกษประมาณวันที่ 11 ม.ค. เพื่อเป็นแกนนำในการคัดค้านอำนาจศาลโลกในคดีปราสาทพระวิหาร และในการชุมนุมใหญ่ครั้งนี้ กลุ่มพลังมวลชนต่างๆ จากกรุงเทพฯ และจากจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศจะมาร่วมชุมนุมด้วย โดยได้รับการสนับสนุนโรงทานอาหารจากทางศีรษะอโศก
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มว่า ต่อมาได้มีคณะนายทหารระดับสูงจากหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 23 อ.กันทรลักษ์ กองกำลังสุรนารี (กกล.สุรนารี) กองทัพภาคที่ 2 (ทภ.2) พากันมาตรวจดูสถานที่ในการชุมนุม พร้อมทั้งดูเอกสารต่างๆ เกี่ยวกับการชุมนุมครั้งนี้ ซึ่งนายผันได้ให้ความร่วมมือนำเอาเอกสารหลักฐานต่างๆ ให้คณะนายทหารได้ดู เพื่อรับทราบ และยืนยันว่าจะต่อสู้เพื่อรักษาผืนแผ่นดินไทยที่บริเวณเขาพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ อย่างเต็มที่ต่อไป
***ชาวบ้านภูมิซรอลพร้อมหากรบกัน
ที่บ้านภูมิซรอล เลขที่ 125/1 หมู่ 12 ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ นายปรีชา แก้วลา อายุ 34 ปี ได้สร้างหลุมหลบภัยส่วนตัวไว้ในบ้านอย่างถาวร กว้าง 3 เมตร ยาว 4 เมตร พร้อมใช้งานทันทีหากเกิดสงครามไทย-กัมพูชา เนื่องจากเตรียมอาหารแห้งและน้ำดื่มสำรองไว้พร้อมแล้ว โดยนายปรีชา กล่าวว่า เกรงว่าการชุมนุมที่บ้านโศกขามป้อม ต.ภูผาหมอก อาจจะเป็นชนวนสงครามขึ้นได้ เนื่องจากกัมพูชาอาจเปิดฉากใช้ปืนใหญ่และจรวดยิงถล่ม เหมือนกับเหตุการณ์เมื่อปี 2554 ซึ่งตนและครอบครัวต้องหนีภัยสงครามกันโกลาหล จึงใช้เงิน 30,000 บาทสร้างหลุมหลบภัยขึ้นในบ้าน ใช้วัสดุที่คงทนแข็งแรง ใช้กระสอบทรายตั้งเรียงโดยรอบและบนหลุมเพื่อเสริมความแข็งแกร่งด้วย
"ไม่อยากให้ไทยต้องเสียดินแดน แม้ชาวบ้านต้องเสี่ยงกับภัยสงครามก็ต้องยอม หากเป็นไปได้อยากให้ผลการตัดสินของศาลโลกออกมา โดยตัวปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชา ส่วนพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรเป็นของไทย แต่ฝ่ายกัมพูชาคงไม่ยอม และดินแดนของไทยที่บริเวณผามออีแดง ก็อาจต้องสูญเสียไปด้วย ซึ่งหากจะเกิดสงคราม ชาวบ้านภูมิซรอลทุกคนก็ต้องทำใจอยู่แล้ว"
ด้านนายพัด บุญเลี้ยง อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 503 บ้านภูมิซรอล หมู่ 2 ต.เสาธงชัย กล่าวว่า ไม่อยากให้มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น หากศาลโลกจะตัดสินก็ควรตัดสินเรื่องเขตแดนให้ชัดเจน จะได้ไม่ต้องมีปัญหาอีกต่อไป ตนไม่อยากให้ไทยและกัมพูชาต้องรบกันอีก เพราะเกิดสงครามขึ้นมาตนและครอบครัวต้องวิ่งหนีลูกปืนใหญ่จนเก็บข้าวไม่ทัน ทุกวันนี้ต้องให้ลูกหลานเตรียมเก็บกระเป๋าไว้ หากเกิดสงครามก็วิ่งหนีได้ทันที
"อยากให้ไทยและกัมพูชารักกัน และอยากให้ทหารไทยเข้ามาดูแลในพื้นที่บริเวณเขาพระวิหารเช่นเดิม เพราะชาวบ้านรู้สึกปลอดภัยมากกว่า"
***ปูด“ปิ้ง”บินดูไบรับคำสั่งคดีพระวิหาร
ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยสามัญนิติบัญญัติ ที่มีนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ก่อนเข้าสู่วาระการประชุม นายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) หารือถึงกรณีที่นายสุรพงษ์ เดินทางไปดูไบโดยสารการบินต่างประเทศว่า ท่านประธานสภาฯ บอกให้ ส.ส.ทุกคนเดินทางโดยสายการบินไทย ซึ่งเป็นสายการในประเทศ แต่ทำไมท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จึงเดินทางโดยสายการบิน อาหรับ เอมิเรตส์ เที่ยวบินวันที่ 31 ธ.ค.2555 เที่ยวบิน EK 385 ออกเวลา 01.00 น. ถึงดูไบ เวลา 05.00 น. และอยู่ที่ดูไบ 2-3 ชั่วโมง จากนั้นวันที่ 1 ม.ค.2556 ได้เดินทางกลับเที่ยวบิน EK 418 ออกเวลา 09.05 น.ถึงเวลา 18.05 น. ทำไมท่านรัฐมนตรีถึงเดินทางโดยสารการบินต่างประเทศ ซึ่งมีราคาสูง 2,028 เหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นเงินไทย ประมาณ 64,675 บาท จึงขอความกรุณาท่านประธานสภาฯ ได้โปรดบอกรัฐมนตรีและรัฐบาลชุดนี้ให้เดินทางโดยสายการบินไทย เพื่อสนับสนุนการบินไทย เป็นตัวอย่างให้เด็กๆ ในวันเด็ก และอยากถามว่าการที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเดินทางไปดูไบ เพื่อไปรับคำสั่งเรื่องปราสาทเขาพระวิหารหรือไม่
**ครม.เงา ปชป.บี้ให้ประท้วงเขมร
นายอรรถวิช สุวรรณภักดี โฆษก ครม.เงา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวภายหลังการประชุมครม.เงาว่า ครม.เงายังกังวลใจเกี่ยวกับท่าทีรัฐบาลในการต่อสู้คดีปราสาทพระวิหาร โดยล่าสุดกัมพูชากล่าวหาไทยว่าเป็นผู้ละเมิดอธิปไตยกัมพูชาจนเกิดการปะทะกัน แต่รัฐบาลกลับไม่ชี้แจงใดๆ จึงอยากให้รัฐบาลแสดงท่าทีคัดค้านในเรื่องนี้ เพราะไทยไม่เคยละเมิดอธิปไตยของกัมพูชา มีแต่ปกป้องสิทธิและอธิปไตยของกัมพูชาจากการที่กัมพูชายิงใส่ประเทศไทยเท่านั้น จึงจะมีการตั้งกระทู้สดถามในสภาและเรียกร้องให้ นายสุรพงษ์ ได้แสดงจุดยืนที่ชัดเจนในการรักษาอธิปไตยของชาติด้วย เพื่อไม่ให้กระทบต่อการสู้คดีในศาลโลก
**"พงศ์เทพ"บินอังกฤษถกคดีต้นก.พ.
นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึงการเตรียมยกคณะทีมที่ปรึกษาของไทยที่ทำคดีเขาพระวิหาร ไปประสานกับที่ปรึกษาต่างประเทศ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในต้นเดือนก.พ.ว่า จะไปพบที่ปรึกษากฎหมายต่างประเทศ ที่ให้คำปรึกษาในคดีเขาพระวิหารที่ผ่านมา โดยจะไปหารือถึงแนวทางการต่อสู้คดี ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศจะมีนายวีรชัย พลาศรัย เอกราชฑูตไทยประจำกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในฐานะหัวหน้าทีมกฎหมายไทยต่อสู้คดีพระวิหาร เดินทางไปด้วย เพื่อเตรียมแถลงการด้วยวาจาต่อศาลโลก ในเดือนเม.ย.นี้ เพื่อดูประเด็นสำคัญ และหยิบมาเน้นให้ตุลาการศาลโลกให้เห็นข้อเท็จจริง
สำหรับการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ ภายในประเทศเกี่ยวกับคดีเขาพระวิหาร จะกระทบต่อรูปคดีหรือไม่นั้น นายพงศ์เทพ ระบุว่า อยากให้ทุกคนช่วยกัน แต่ตุลาการของศาลทุกท่าน ไม่ได้พิจารณาข้อมูลจากภายในสำนวนเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีการรับฟังข่าวสารอื่นๆ อีกด้วย ดังนั้น จึงเห็นว่าต้องมีการสร้างทัศนคติที่ดีให้กับตุลาการศาลโลก เพื่อให้ผลคดีออกมาในทางที่ดี ส่วนประธานศาลโลกคนปัจจุบัน เป็นคนเอเชียจะส่งผลดีต่อคดีหรือไม่นั้น นายพงศ์เทพ กล่าวว่า ไม่มีผลแตกต่าง เพราะเป็นคดีพิพาทภายในเอเชียด้วยกันอยู่แล้ว
นายพงศ์เทพกล่าวว่า ทีมที่ทำงานคดีนี้ พยายามจะทำงานอย่างดีที่สุดด้วยข้อมูลต่างๆ ที่มีอยู่ และจะเลือกใช้ให้เป็นประโยชน์กับไทยมากที่สุด และจะอ้างอิงข้อกฎหมายให้ดีที่สุด ส่วนการตัดสินจะเป็นอย่างไรนั้น ขึ้นอยู่กับตุลาการศาล และเชื่อว่าตุลาการจะไม่สามารถถูกโน้มน้าวใจจากฝ่ายอื่นๆ ได้ เพราะตุลาการมีหลักยึดถือ และเห็นว่าจะต้องมีการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีเพื่อไม่ให้เกิดการกระทบกระทั้งกันเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งรัฐบาลพยายามสร้างบรรยากาศที่ดี เพื่อให้เกิดความสงบ
**"ปู"แกล้งหูดับหลังสื่อถามพธม.เรียกร้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ปฏิเสธที่จะตอบคำถามกรณีที่แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยื่นข้อเรียกร้อง 7ข้อ ถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ปฏิเสธอำนาจศาลโลก โดยเดินฝ่าวงล้อมผู้สื่อข่าว เพื่อไปถ่ายรูปกับผู้ปกครองและเด็กๆ
