“ชวนนท์” ระบุโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านต่อทุจริต 2.3 แสนล้าน หลังมีการเปิดเผยตัวเลขการหักหัวคิวโครงการก่อสร้าง 50% แถมโก่งราคาอีกเท่าตัว เหตุออกเป็น พ.ร.ก.กู้เงินหนีการตรวจสอบของรัฐสภา ร่วมศูนย์ประมูลจนบริษัทยักษ์หลายประเทศรู้แกวล็อกผลประมูลจนถอนตัว ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญเรื่องน้ำที่เกี่ยวข้องกับโครงการต่างทยอยลาออกเพราะรับไม่ได้ จี้ “นายกฯ ยิ่งลักษณ์” สั่งยุติการประมูลเพื่อตรวจสอบ
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการประมูลการก่อสร้างโครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน วงเงิน 3.5 แสนล้านบาท ซึ่งจะมีการยื่นซองประมูลทีโออาร์ในวันที่ 3 พ.ค.นี้ว่า พรรคประชาธิปัตย์และภาคประชาชนมีความกังวลว่าโครงการดังกล่าวนอกจากจะไม่เป็นไปตามเจตนารมการป้องกันแก้ไขปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง ตามที่รัฐบาลพูดไว้ในการขอออก พ.ร.ก.เงินกู้ 3.5 แสนล้านบาทแล้ว ตนก็มีข้อสังเกตหลายประการ ได้แก่
1. โครงการดังกล่าว ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนเพื่อป้องกันปัญหาภัยแล้ง น้ำท่วม ตามที่รัฐบาลอ้างไว้ 2. การที่ออก พ.ร.ก.เงินกู้แต่กลับทิ้งเวลาไว้เกือบ 1 ปีครึ่ง จึงมีการดำเนินการ เป็นการส่อเจตนารมณ์ให้เห็นว่ามีความพยายามหลีกเลี่ยงการตรวจสอบภาคประชาชน หรือรัฐสภา เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทที่เข้ามาดำเนินงาน 3. ชัดเจนว่าการประเมินงานในโครงการดังกล่าว จะเป็นการจัดการแบบพิเศษ มีการรวมศูนย์ประมูลแบบที่ไม่เคยเกิดมาก่อน ซึ่งส่งผลให้ต่อมาหลายชาติ หลายบริษัทยักษ์ใหญ่ถอนตัวออกจากการประมูลโครงการ
และ 4. ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินโครงการดังกล่าว อาทิ นายอุเทน ชาติภิญโญ อดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีด้านระบายน้ำ ก็ออกมาเปิดเผยว่าโครงการประมูลงานไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง ไม่มีการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม สุขภาพ หรือสังคม เป็นการมุ่งเร่งรัดขอบเขตของทีโออาร์ให้ง่ายต่อการทุจริต หรือนายรอยล จิตรดอน ที่ลาออกจากคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ซึ่งเห็นได้ว่าเมื่อถึงขั้นตอนสำคัญในการประมูลงาน บุคลากรที่มีความรู้ความสามารถกลับสละเรือ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ไม่ดี เป็นสัญญาณที่ว่ารัฐบาลกำลังจะเอาเงิน 3.5 แสนล้านไปแบ่งเค้กกันกับบริษัทที่เข้ามารับงานเพียงไม่กี่บริษัท และประชาชนไม่ได้ประโยชน์ใดๆ จากการกู้เงินดังกล่าว
“สิ่งเหล่านี้รัฐบาลต้องรีบตอบโจทย์ เพราะในวันที่ 3 พ.ค.ก็จะมีการยื่นซองประมูลราคาแล้ว แต่รัฐบาลกลับไม่มีท่าทีตอบสนอง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัรฐมนตรี ทำเหมือนไม่รู้เรื่อง ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และไม่รับทราบสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยยังมีพื้นที่ภัยพิบัติภัยแล้ง 49 จังหวัด ผมยังไม่เห็นว่ารัฐบาลจะมีแนวทาง หรือโครงการใดลงไปแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน แต่กลับเร่งเรื่องแก้ไขระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างการประมูลโครงการ เพื่อให้ง่ายต่อการทุจรติคอร์รัปชัน”
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า เรื่องที่น่าเป็นห่วง คือ มีการเปิดเผยในวงสัมมนาของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจรติแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่าในขณะนี้มีการหักค่าหัวคิวโครงการก่อสร้างถึง 50% และที่แย่ไปกว่านั้น คือ มีการโก่งราคาเพิ่มอีกเท่าตัว ก่อนที่จะหักค่าหัวคิว 50% เท่ากับงานภายใต้รัฐบาลยิ่งลักษณ์จะมีการทุจริตสองเท่า คือโก่งราคาเท่าตัว และยังกินหัวคิวด้วย ซึ่งหากคำนวณจากยอดเงินทั้งหมดในโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท จะพบว่าได้เนื้องานจริงจาก 3.5 แสนล้านบาท จะมีเงินดำเนินการตามเนื้องานเพียงแค่ 1 แสนล้านบาทเท่านั้น และหากดำเนินโครงการงบ 2 ล้านล้านบาทจะใช้ในเนื้องานจริง 5 แสนล้านบาท ส่วนอีก 1.5 ล้านล้านบาทจะถูกนำไปทุจริตแบ่งเค้กระหว่างนักการเมืองและผู้รับเมาก่อสร้าง หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์เอาจริงเอาจังในเรื่องนี้ต้องหยุดการประมูลเพื่อตรวจสอบให้เกิดความชัดเจนในเรื่องเหล่านี้เสียก่อน
