xs
xsm
sm
md
lg

ประชุม ครม.เดินหน้า “ถนนไร้ฝุ่น”-ขยายเวลาก่อสร้างรัฐสภาใหม่ถึงปีงบประมาณ 2559

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นพ.ทศพร เสรีรักษ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (ภาพจากแฟ้ม)
ครม.เห็นชอบนำเงินฝาก กต.ในธนาคารต่างประเทศ 6 พันล้านมาใช้จ่ายตามความเหมาะสม เร่งรัดดำเนินการ “ถนนไร้ฝุ่น” ทั่วประเทศ เห็นชอบ “แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบราชการไทย” พร้อมระบุ “นายกฯ” อยากให้มีการเชื่อมโยงภารรัฐกับเอกชน อนุมัติขยายเวลาก่อสร้างอาคารรัฐสภาใหม่ จนถึงปีงบประมาณ 2559 เห็นชอบ พ.ร.บ.กบข.ยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินสะสม ผลประโยชน์ เงินบำนาญ

วันนี้ (23 เม.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทศพร เสรีรักษ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวแถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า การประชุม ครม.ในสัปดาห์หน้าที่เลื่อนเป็นวันพุธที่ 1 พ.ค.ก็ให้เปลี่ยนกลับไปเป็นวันที่ 30 เม.ย.ตามเดิม เนื่องจากภารกิจในการเดินทางไปต่างประเทศของนายกรัฐมนตรี ที่เบื้องต้นคาดไว้ว่าอาจจะกลับมาไม่ทัน แต่ขณะนี้แน่ชัดแล้วว่าสามารถกลับมาทัน จึงเลื่อนกลับมาเป็นวันเดิม

ขณะเดียวกัน ที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอให้นำเงินฝากของกระทรวงการต่างประเทศในธนาคารจากต่างประเทศ จำนวนเงิน 6,212 ล้านบาท นำมาใช้ตามสมควร ที่ประชุม ครม.จึงมีมติเห็นชอบ

ที่ประชุม ครม.มีเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ในการเร่งรัดดำเนินถนนไร้ฝุ่นทั่วประเทศตามที่กรมทางหลวง เสนอให้มีการจัดถนน ทางหลวงไร้ฝุ่น 54,000 กิโลเมตรและถนนลูกรัง 5,100 กิโลเมตร ตามกรอบวงเงิน 2,400 ล้านในระหว่างปี พ.ศ. 2557 ถึง พ.ศ. 2559 และ ในปี พ.ศ. 2560 อีก 600 กิโลเมตร ส่วนกระทรวงมหาดไทยก็ให้ดำเนินการถนนตามที่กรมปกครองส่วนท้องถิ่นเสนอ ทั้งนี้ รัฐบาลมีความประสงค์เพื่อให้ประชาชนได้มีถนนตัดผ่านเข้าสู่ชนบทที่ประชุม ครม.จึงมีมติเห็นชอบ

ที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบแผนยุทธศาสตร์พัฒนาระบบข้าราชการไทย พ.ศ. 2556 ถึง 2561 ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร) เป็นผู้เสนอ เพื่อใช้เป็นกรอบแนวทางในการดำเนินพัฒนาการภารกิจของหน่วงงานต่อไป โดยมียุทธศาสตร์ทั้งหมด 7 ด้าน ประกอบด้วย 1.ยุทธศาสตร์การสร้างความเป็นเสิศในการให้บริการประชาชน 2.ยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบองค์กรให้มีขีดสมรรถนะสูงและทันสมัย บุคลากรมีความเป็นมืออาชีพ 3.ยุทธศาสตร์การเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารทรัพย์ของภาครัฐให้เกิดประโยชน์สูงสุด 4.ยุทธศาสตร์การวางระบบบริหารราชการแบบบูรณาการ 5.ยุทธศาสตร์การส่งเสริมยุทธศาสตร์พัฒนาระบบบ้านเมืองแบบร่วมมือกันระหว่างรัฐภาคเอกชนและภาคประชาชน 6.ยุทธศาสตร์การยกระดับความโปร่งใสและสร้างความเชื่อมั่นศรัทธาในการบริหารราชการแผ่นดิน และ 7.ยุทธศาสตร์การสร้างความพร้อมของระบบข้าราชการไทยเพื่อเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ให้ข้อแนะนำว่าอยากให้ทั้ง 7 ยุทธศาสตร์ โดยเชื่อมกันระหว่างรัฐบาล กับเอกชน และสามารถโอนย้ายข้ามสายงานได้ทั้งนี้เพื่อให้ระบบงานของราชการไทยมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และยังเป็นการส่งต่องานเพื่อเตรียมการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอีกด้วย ซึ่งเป็นไป ตามยุทธศาสตร์ประเทศที่รัฐบาลมีเป้าหมายให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากประเทศรายได้ปลานกลาง ลดความเหลิ่มล่ำ และการพัฒนาระบบการบริหารจัดการภายใน ซึ่งระบบราชการถือเป็นสิ่งที่มีความสำคัญที่ต้องพัฒนา

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ระบุในที่ประชุมว่าอยากให้มีความเชื่อมโยงระหว่างภาครัฐและเอกชน ที่จะสามารถโยกย้ายบุคลากรจากเอกชนมายังหน่วยงานราชการและสามารถที่จะย้ายกลับไปได้ ทั้งนี้ในส่วนของราชการที่เป็นสายงานทางวิชาการ หรือ สายบริหารก็น่าจะมีส่วนเชื่อมโยงกันสามารถข้ามสายกันได้ รวมถึงการส่งต่องานต่างๆ เนื่องจากสังคมไทยปัจจุบันเข้าสู่สังคมของผู้สูงวัยเมื่อผู้สูงวัยมากขึ้นและที่ออกจากราชการแล้ว ก็ต้องมีการเตรียมคนรุ่นใหม่ให้มีความพร้อม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบข้าราชการ มีทั้งสิ้น 7 ยุทธศาสตร์ การสร้างความเป็นเลิศในการให้บริการประชาชน, การพัฒนาองค์การให้มีขีดสมรรถนะสูงและทันสมัย บุคลากรมีความเป็นมืออาชีพ, การเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารสินทรัพย์ของภาครัฐให้เกิดประโยชน์สูงสุด,การส่งเสริมระบบการบริหารกิจการบ้านเมืองแบบร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนและภาคประชาชน เป็นต้น

ครม.ได้รับทราบรายงานจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย ว่า รัฐบาลสาธารณรัฐแองโกลา มีความประสงค์แต่งตั้ง นายมานูเอล เอดัวร์โด โดส ซัมโตส เอ ซิลบา บราโบ ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐแองโกลาประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงนิวเดลี สืบแทน นายอันโตนีโอ ดา กอสตา เฟอร์นันเดส ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอมา

ในวันนี้ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้รายงานผลการประกวดราคาโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ พร้อมอาคารประกอบ ที่จะสร้างขึ้นในพื้นที่ราชพัสดุ ถนนทหาร ย่านเกียกกาย วงเงิน 12,280 ล้านบาท เพื่อให้ ครม.พิจารณา โดยวงเงินดังกล่าวถือว่าต่ำกว่าราคากลาง เนื่องจากราคากลางอยู่ที่ 12,287 ล้านกว่าบาท แต่กระบวนการดังกล่าวล่าช้ากว่าแผนที่กำหนด จึงได้มีการเสนอขอขยายเวลาดำเนินการถึงปีงบประมาณ 59 โดยให้ใช้เวลาก่อสร้าง 900 หลังจากมีการเซ็นสัญญา ซึ่งก็ได้มีการอนุมัติไปตามที่มีการเสนอเข้ามา ซึ่งขณะนี้ทางสภาอยู่ระหว่างการรอเซ็นสัญญา

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 3 ในการประชุม ครั้งที่ 7/2556 ตามที่นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วเสนอคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป

โดยเห็นชอบในหลักการตามร่างพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และเห็นชอบให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณเข้าบัญชีเงินสำรองเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับภาระการจ่ายบำเหน็จบำนาญ

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการให้ความช่วยเหลือและลดภาระให้แก่ข้าราชการและผู้รับบำนาญ จึงเห็นชอบให้ยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินสะสมและผลประโยชน์ของเงินดังกล่าว รวมทั้งเงินบำนาญส่วนเพิ่ม จากการดำเนินการตามแนวทางที่ให้ข้าราชการและผู้รับบำนาญ ซึ่งเป็นสมาชิก กบข. โดยสมัครใจสามารถเลือกกลับไปรับบำนาญตามระบบเดิม

โดยสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... การแก้ไขปัญหาสมาชิก กบข.ในเรื่องบำนาญ มีดังนี้

1.ข้าราชการ (สมาชิก กบข.ซึ่งเข้ารับราชการก่อนวันที่ 27 มีนาคม 2540 และสมัครเป็นสมาชิก กบข.)

(1) สมาชิก กบข.ซึ่งประสงค์จะกลับไปใช้สิทธิในบำเหน็จบำนาญตามพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2494 ให้แสดงความประสงค์ได้ตั้งแต่วันที่กฎหมายมีผลใช้บังคับ จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2557 และให้ถือว่าสมาชิกภาพของสมาชิกผู้นั้นสิ้นสุดลง ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2557

(2) ผู้ซึ่งจะต้องออกจากราชการไม่ว่ากรณีใดๆ ยกเว้นกรณีถึงแก่ความตาย ก่อนวันที่ 1 ตุลาคม 2557 ให้สมาชิกภาพของสมาชิกผู้นั้นสิ้นสุดลงเมื่อวันออกจากราชการ

​(3) การแสดงความประสงค์ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2557 หรือวันออกจากราชการ และให้มีสิทธิได้รับบำเหน็จบำนาญตามพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2494 ทั้งนี้ การแสดงความประสงค์ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กระทรวงการคลังกำหนด

(4) ข้าราชการตามข้อ (1)-(3) ไม่มีสิทธิได้รับเงินประเดิม เงินชดเชย เงินสมทบ และผลประโยชน์ของเงินดังกล่าว โดยให้ กบข.ส่งเงินดังกล่าวเข้าบัญชีเงินสำรอง สำหรับเงินสะสมและผลประโยชน์ของเงินดังกล่าว กบข.จะจ่ายคืนให้แก่ข้าราชการผู้นั้น

(5) การส่งเงินเข้าบัญชีเงินสำรองและการจ่ายคืนเงินสะสมและผลประโยชน์ให้เป็นไปตามที่ กบข.กำหนด โดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง ซึ่งจะกำหนดให้ กบข.นำเงินประเดิม เงินสมทบ เงินชดเชย และผลประโยชน์ของเงินดังกล่าวที่ได้รับคืนจากสมาชิกส่งเข้าบัญชีเงินสำรอง ทั้งนี้ กบข.จะต้องจัดทำรายงานการนำเงินประเดิม เงินชดเชย เงินสมทบ และผลประโยชน์ของเงินดังกล่าวส่งเข้าบัญชีเงินสำรองต่อกรมบัญชีกลาง ตามวิธีการที่กระทรวงการคลังกำหนด ซึ่งจะกำหนดรายละเอียดข้อมูลที่ กบข.จะต้องรายงานให้กรมบัญชีกลางทราบ

(6) หากข้าราชการซึ่งได้แสดงความประสงค์ไว้แล้วถึงแก่ความตายก่อนวันที่ 1 ตุลาคม 2557 หรือก่อนวันออกจากราชการ ให้ถือว่าการแสดงความประสงค์นั้นไม่มีผลใช้บังคับ

​2. ผู้รับบำนาญ (สมาชิก กบข.ซึ่งเข้ารับราชการก่อนวันที่ 27 มีนาคม 2540 และสมัครเป็นสมาชิก กบข.แต่ได้ออกจากราชการแล้ว)

ทั้งนี้ หากประสงค์จะขอกลับไปรับบำนาญตามสูตรเดิม (พระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2494) ให้แสดงความประสงค์ได้ตั้งแต่วันที่กฎหมายมีผลใช้บังคับจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2557 และผู้รับบำนาญจะต้องคืนเงินก้อน (เงินประเดิม เงินชดเชย เงินสมทบ และผลประโยชน์ของเงินดังกล่าว) ที่ได้รับไปแล้วแก่ทางราชการ โดยผู้รับบำนาญจะได้รับบำนาญตามสูตรเดิม ตั้งแต่วันที่ออกจากราชการจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2557 โดยวิธีหักกลบลบกัน

​โดยการหักกลบลบกัน หากมีกรณีที่ผู้รับบำนาญต้องคืนเงิน ให้ผู้รับบำนาญคืนเงินแก่ส่วนราชการผู้เบิกภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2557 เพื่อนำส่งให้กรมบัญชีกลาง โดยเงินที่ส่วนราชการได้รับคืน ไม่เป็นรายได้ที่ต้องนำส่งคลังตามกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลังและกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ หากมีกรณีที่ต้องคืนเงินให้ผู้รับบำนาญ กรมบัญชีกลางจะคืนเงินให้ผู้รับบำนาญ หากมีเงินเหลือจะนำส่งเข้าบัญชีเงินสำรอง

อย่างไรก็ตาม ผู้รับบำนาญที่ได้แสดงความประสงค์แล้ว เป็นผู้รับบำนาญตามพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2494 ตั้งแต่วันที่ออกจากราชการ แต่หากผู้รับบำนาญมีกรณีที่ต้องคืนเงิน ให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2557 จึงจะได้รับสิทธิดังกล่าว

​ทั้งนี้ หากผู้รับบำนาญซึ่งได้แสดงความประสงค์ไว้แล้วถึงแก่ความตายก่อนวันที่ 1 ตุลาคม 2557 ให้ถือว่าการแสดงความประสงค์นั้นไม่มีผลใช้บังคับ และหากมีกรณีต้องคืนเงินให้ส่วนราชการผู้เบิกแจ้งกรมบัญชีกลางเพื่อถอนเงินที่ผู้รับบำนาญคืนให้แก่ส่วนราชการผู้เบิก เพื่อคืนให้แก่ผู้มีสิทธิรับมรดกของผู้รับบำนาญตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กระทรวงการคลังกำหนด โดยหลักเกณฑ์และวิธีการที่กระทรวงการคลังกำหนด จะกำหนดเรื่องการดำเนินการถอนเงินคืนให้แก่ผู้มีสิทธิรับมรดกของผู้รับบำนาญที่ตายไปก่อนกฎหมายมีผลใช้บังคับ


กำลังโหลดความคิดเห็น