นายกรัฐมนตรี เตรียมไปประเทศบรูไน เข้าร่วมการประชุมอาเซียนซัมมิต ครั้งที่ 22 ติดตามความคืบหน้าการสร้างประชาคมอาเซียน ผลักดันเรื่องดารค้ามนุษย์-จัดการภัยพิบัติ
วันนี้ (22 เม.ย.) มีรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการเดินทางเยือนประเทศบรูไนดารุสซาลาม เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 22 (22nd ASEAN Summit) ณ กรุงบันดาร์เสรีเบกาวัน ระหว่างวันที่ 24-25 เม.ย. 2556 ดังนี้ การประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งนี้เป็นการประชุมครั้งที่ 22 โดยในปีนี้ ประเทศบรูไนดารุสซาลาม เป็นประธานอาเซียน และเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม โดยหัวข้อหลักในการประชุมคือ Our People, Our Future Together เพื่อสะท้อนถึงความสำคัญของบทบาทประชาชนในการขับเคลื่อนอาเซียนและกำหนดอนาคตของภูมิภาค ซึ่งในการประชุมฯ ผู้นำอาเซียนจะได้ติดตามความคืบหน้าในการสร้างประชาคมอาเซียน และการการเร่งรัดให้เกิดการดำเนินการให้เป็นรูปธรรม ตามสิ่งที่ประเทศสมาชิกได้ตกลงกันไว้แล้วในการประชุมครั้งที่ผ่านๆ มา
สำหรับประเทศไทย นายกรัฐมนตรีจะผลักดันสิ่งที่ไทยได้เคยเสนอต่อที่ประชุม ให้มีความคืบหน้าที่เป็นรูปธรรม เช่น แผนปฏิบัติการ Drug-free ASEAN, แผนปฏิบัติการเรื่องการค้ามนุษย์, การบริหารจัดการภัยพิบัติ, การระดมทุนสำหรับการสร้างความเชื่อมโยงระหว่างประเทศสมาชิก (connectivity) รวมถึงการเร่งส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในประชาคมอาเซียน พร้อมการแสดงจุดยืนและวิสัยทัศน์ในทิศทางอนาคตของอาเซียน โดยเฉพาะการรักษาบรรยากาศที่ดีเพื่อให้เศรษฐกิจก้าวหน้าต่อไป และให้อาเซียนเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของกรอบความร่วมมือต่างๆในภูมิภาค
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี จะร่วมกับผู้นำอาเซียนติดตามสถานะความคืบหน้าของการรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียนของประเทศสมาชิก ที่กำลังจะเกิดขึ้นในปี 2015 นี้ (ASEAN Community Building) ประกอบไปด้วย 3 เสาหลักสำคัญ ได้แก่ 1.เสาเศรษฐกิจด้วยการเร่งรัดมาตรการอำนวยความสะดวกการค้าการลงทุน เช่น ASEAN Single Window การปรับปรุงกฎระเบียบให้สอดคล้องกัน การเจรจา RCEP 2.เสาการเมืองและความมั่นคง-การส่งเสริมสันติภาพและเสถียรภาพ ผลักดันความร่วมมือเรื่องยาเสพติด การค้ามนุษย์ สิทธิมนุษยชน ธรรมาภิบาล และต่อต้านการทุจริต 3.เสาสังคมและวัฒนธรรม-การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคม และความพร้อมในการบริหารจัดการภัยพิบัติ
ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรียังจะเสนอให้มีการเชื่อมโยง 3 เสาหลัก ผ่านกิจกรรมทางวัฒนธรรม การท่องเที่ยว เพื่อให้ประชาชนได้เกิดปฏิสัมพันธ์ระหว่างกัน รวมทั้งการสนับสนุนและผลักดันด้านการอำนวยความสะดวกและความช่วยเหลือด้านการแพทย์ การสาธารณสุข และการศึกษา ระหว่างกันของประเทศสมาชิก อันจะเป็นการสอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชน นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการเข้าร่วมการประชุม Indonesia-Malaysia-Thailand Growth Triangle (IMT-GT) ครั้งที่ 7 ซึ่งจะเป็นการหารือร่วมกันระหว่างอินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย โดยนายกรัฐมนตรีจะผลักดันการเร่งรัดแผนการสร้างความเชื่อมโยง (Connectivity) ระหว่างอินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย ด้วยการเพิ่มเส้นทางการสร้างทางหลวงพิเศษ (Motorway) การเพิ่มท่าเรือ การรวมตัวกันเพื่อเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ และเป็นศูนย์กลางการกระจายสินค้า รวมถึงการสร้างมาตรฐานร่วมกันในการรับรองสินค้าและบริการต่างๆ เช่น อาหารฮาลาล ยางพารา สินค้าเกษตร การท่องเที่ยว และการอำนวยความสะดวกด้านการการค้าหรือการเดินทางระหว่างจุดผ่านแดน (Custom Border)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกรัฐมนตรีและคณะ มีกำหนดการเดินทางออกจากท่าอากาศยานทหารกองบิน 6 ในวันวันพุธที่ 24 เม.ย. 2556 เวลา 13.30 น.และจะเดินทางกลับถึงประเทศไทยในวันพฤหัสบดีที่ 25 เม.ย. 2556 เวลา 19.00 น.