“วีระ” เผยเขมรยัดเยียดคุก ตามแผนที่ 1:200,000 ใน MOU43 หวั่นบ้านหนองจานถูกยึดซ้ำรอยเขาวิหาร หลัง รบ.นิ่งดูดายปล่อยเขมรยึดไร่นาชาวบ้าน ระบุ รบ.เขมร จับมือสื่อประโคมข่าว ใส่ร้ายไทยแย่งปราสาทยุชาวบ้านเกลียด กร้าวบอกไทยยอมรับความพ่ายแพ้ เพื่อให้ประเทศทั้งสองอยู่ร่วมกันอย่างสันติ อย่าเป็นฝ่ายก่อสงคราม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 19 เม.ย. ทีมงานของนายวีระ สมความคิด โพสต์ข้อความสงในเฟซบุ๊ก Veera Somkwamkid ถึงกรณีน้องชายของนายวีระ สมความคิด เดินทางไปเยี่ยมพี่ชาย ซึ่งยังถูกจำคุกอยู่ที่เรือนจำเปรยซอร์ ประเทศกัมพูชาว่า
“น้องชายคุณวีระได้เล่ารายละเอียดการแถลงด้วยวาจาในศาลโลกที่สำคัญให้คุณวีระได้รับทราบข้อมูล ซึ่งคุณวีระก็พอได้ทราบข้อมูลอยู่บ้างจากนักโทษเล่าให้ฟัง โดยมีเจ้าหน้าที่สถานทูตร่วมแลกเปลี่ยนความเห็นด้วย ตอนหนึ่ง คุณวีระได้พูดถึงว่า เมื่อเกือบ 2 ปีกว่านั้น ที่ถูกจับบริเวณบ้านหนองจาน ประเทศไทยแล้วถูกนำตัวไปขึ้นศาลชั้นต้นในวันที่ 1 ก.พ. 2554 อัยการ พยาน ศาลก็อ้างถึงแผนที่ 1 : 200,000 ที่กล่าวถึงใน MOU 2543 ในการตัดสินโทษจำคุก โดยอ้างว่าคนไทยทั้ง 7 คนเข้าพื้นที่กัมพูชา ตามแผนที่ 1 : 200,000 ที่กล่าวถึงใน MOU 2543
หนำซ้ำยังมีพยานปากสำคัญเป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในขณะนั้น ตลอดจนข้าราชการทั้งการเมืองบางคน ข้าราชการประจำสำคัญๆ บางคนของไทยย้ำว่า คนไทยทั้ง 7 อยู่ในเขตแดนกัมพูชา คนไทยส่วนใหญ่คงไม่คิดว่าแผนที่ 1 : 200,000 จะสร้างปัญหาให้กับประเทศไทยมากขนาดนี้
และน่าเชื่อว่า กัมพูชาได้เตรียมการมาเป็นเวลานานนับสิบปี จะเห็นได้จากการที่ กัมพูชาใช้แผนที่ 1 : 200,000 รุกรานแผ่นดินไทยตั้งแต่ปี 2543 จนถึงปัจจุบันยังปรากฏการรุกรานเข้ามาสร้างสิ่งปลูกสร้าง บ้านเรือน ชุมชน ยึดที่ดิน ผืนนาของชาวบ้านคนไทยตลอดแนวชายแดน และรัฐบาลไทยก็ไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้เลย อย่างนี้เกรงว่าจะถูกหยิบยกไปเป็นกฎหมายปิดปากอีกครั้งหนึ่งก็เป็นได้
นอกจากนั้น ยังเห็นความแตกต่างระหว่างกัมพูชากับไทยได้ชัดเจนก็คือ สื่อมวลชนกัมพูชาร่วมมือกันเผยแพร่ข้อมูล โดยกล่าวหาว่า การที่ต้องไปฟ้องศาลโลกครั้งนี้เนื่องจากไทยจะมาแย่งเอาปราสาทพระวิหารทั้งที่ศาลโลกได้ตัดสินให้เป็นของกัมพูชามาตั้งแต่ปี 2505 ทำให้คนกัมพูชาเข้าใจว่าคนไทยชอบหาเรื่องรังแกกัมพูชาไม่ยอมเลิก สื่อของกัมพูชายังประโคมข่าวว่า กัมพูชาจะเป็นผู้ชนะคดีครั้งนี้แน่นอน และบอกว่าขอให้ไทยยอมรับความพ่ายแพ้โดยดี เพื่อให้ประเทศทั้งสองอยู่ร่วมกันอย่างสันติ อย่าเป็นฝ่ายก่อสงคราม
ผู้โพสต์กล่าวว่า “ดิฉันไม่หนักใจมากนักกับฝีมือ ข้อมูล และการต่อสู้ของทีมกฎหมายไทยในศาลโลกกับทีมทนายกัมพูชา แต่หนักใจปัญหาภายในของประเทศเรามากกว่า เพราะเกือบ 2 เดือนก่อนวันแถลงการของทั้ง 2 ประเทศ เดินทางไปเยี่ยมคุณวีระทุกศุกร์ พบว่า คนกัมพูชาร่วมแรงใจของคนในชาติกัมพูชา ทั้งรัฐบาล ฝ่ายค้าน (ช่วงเกิดกรณีพิพาทกับไทยในปี 54 สม รังสีมีจดหมายถึงรัฐบาล กพช. สนับสนุนการต่อสู้ในเรื่องเขตแดนไทย-กัมพูชา) ประชาชน สื่อมวลชน นักธุรกิจ (เมื่อ 2 อาทิตย์ก่อนดิฉันนำการโฆษณาของ บ.เบียร์ที่สนับสนุนและร่วมฉลองให้กัมพูชาชนะคดีในศาลโลก) แต่ประเทศไทยรัฐบาลก็ไม่กล้าออกมายืนยันการต่อสู้ว่าจะชนะเต็มตัว ฝ่ายค้านก็คอยจับประเด็นฟอกตัวรายวัน ประชาชนส่วนใหญ่ยังนิ่งเฉย สื่อมวลชนรายงานตามเอกสาร นักธุรกิจก็เงียบฉี่ อย่างนี้ประเทศจะเดินหน้าอย่างไร”