xs
xsm
sm
md
lg

“ปุ้ม” เชื่อ “เหลิม” ลงใต้แน่ ปัดบึ้มหวังยกระดับ-แจกแผ่นพับกล่อมกู้หลังสงกรานต์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี (แฟ้มภาพ)
เลขาฯ นายกฯ เผย “ยิ่งลักษณ์” สั่งทบทวน, กระชับมาตรการความปลอดภัยข้าราชการ ป้อง “เฉลิม” ทำงานหนัก เชื่อจะลงใต้แน่ ยันบึ้มรถรองผู้ว่าฯ ไม่ได้ยกระดับความรุนแรง บอกคนละเรื่องเจรจา โอ่สถิติเหตุลดลง บอกไม่เลื่อนถกบีอาร์เอ็นแม้ตรงวันเลือกตั้งมาเลย์ - จ่อแจกแผ่นพับรัฐบาลแจงกู้ 2 ล้านล้าน กล่อมชาวบ้านล้านฉบับหลังสงกรานต์

วันนี้ (8 เม.ย.) เมื่อเวลา 14.30 น.นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ผ่านทางโทรศัพท์ ถึงการที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สั่งกำชับปรับระดับการดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ ภายหลังลงไปพื้นที่ภาคใต้ว่า นายกฯ เป็นห่วงประชาชนในพื้นที่ ทั้งข้าราชการที่ทำงาน เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร พลเรือน เพราะว่าทุกคนทำงานกันอย่างหนัก ทั้งนี้ที่ผ่านมาหลายมาตรการยังมีช่องโหว่อยู่ ซึ่งนายกฯก็สั่งให้ทบทวนและกระชับมาตรการความปลอดภัย ทั้งสำหรับประชาชนและเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะข้าราชการที่เดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ซึ่งนายกฯ ห่วงอย่างมาก เพื่อให้เกิดความสันติสุข หยุดการยิง ในพื้นที่อย่างแท้จริง โดยต้องดูแลทั้งไทยพุทธ และมุสลิม เพราะประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา มีการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ เพราะฉะนั้นการดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อให้เกิดความเข้าใจแก่กันนายกฯ ก็อยากให้เกิดขึ้น และดำเนินงานตามนโยบายที่รัฐบาลได้วางไว้

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะดำเนินการแก้ไขปัญหาพื้นที่ภาคใต้ตามยุทธศาสตร์เดิมหรือไม่ นายสุรนันทน์ กล่าวว่า ในส่วนของทหาร ก็ดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ต่อไป และดำเนินการกับผู้ก่อความไม่สงบ ภายใต้กฎหมายความมั่นคงของไทย มีกระบวนการยุติธรรมที่ชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างกลุ่มชน เพราะว่าการดำเนินการตามกฎหมาย ต้องนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษให้ได้ แต่ต้องมีความสมดุลและให้ความยุติธรรมกับผู้ที่บริสุทธิ์ ที่ไม่เกี่ยวข้องแต่อยู่ในเหตุการณ์

เมื่อถามว่า การลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีพร้อมคณะ ร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.ศปก.กปต.ไม่ได้เดินทางไปด้วย ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตว่า จะต้องทบทวนการดำรงตำแหน่งของ ร.ต.อ.เฉลิม หรือไม่นั้น นายสุรนันทน์ กล่าวว่า จริงๆต้องช่วยกันทำงาน ซึ่งคิดว่า ร.ต.อ.เฉลิม เอง ก็ทำงานอย่างหนัก ในหน้าที่ที่รับผิดชอบ ซึ่งนายกฯ ก็ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ที่รุนแรง โดยเฉพาะการลอบวางระเบิดรองผู้ว่าราชการยะลา ซึ่งรัฐบาลที่ผ่านมาก็เกิดเหตุเช่นกัน โดยทุกคนแบ่งหน้าที่กัน และวันนี้เรามองว่า แบ่งหน้าที่กัน ใครทำงานได้ก็ทำ และ ร.ต.อ.เฉลิม นายกฯได้มอบหมายให้ลงพื้นที่ ก็เชื่อว่าท่านจะลงพื้นที่ดูแลทั้งประชาชนและเจ้าหน้าที่เช่นกัน

เมื่อถามว่า มองว่าเป็นการยกระดับความรุนแรงในพื้นที่ หรือยกระดับเป้าหมายเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในพื้นที่ นายสุรนันทน์ กล่าวว่า ตนเองมองว่า เป็นปฏิกิริยาในพื้นที่ ซึ่งเราประเมินกันว่ากลุ่มที่เปิดการพูดคุยด้วย ก็เป็นกลุ่มหนึ่ง ส่วนกลุ่มที่ก่อการหรือดำเนินการในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้มีหลายกลุ่ม ที่มีความเห็นไม่ตรงกัน หรือมีอุดมการณ์ความเชื่อที่แตกต่างกัน ซึ่งอาจมีทั้งสายพิราบ สายเหยี่ยว โดยสายที่ใช้ความรุนแรงเราเองพยายามที่จะใช้การพูดคุย และดำเนินงานตามมาตรการความมั่นคงของเราเองเพื่อทำให้สิ่งเหล่านี้ยุติลง เพราะฉะนั้นมองว่า เป็นการยกระดับไหม คงไม่ใช่การยกระดับ แต่เป็นปฎิกิริยาของการที่รัฐเองได้กดดันลงไปในทุกพื้นที่ ซึ่งเป็นอีกเรื่องหนึ่ง และ สอง รัฐบาลเปิดการพูดคุย และหลายเรื่องที่เกิดขึ้น หลังนายกฯลงพื้นที่ ก็เป็นปฏิกิริยาต่อการดำเนินการของรัฐ ซึ่งมีหลายกลุ่มที่ไม่อยากให้เกิดสันติภาพ เพราะหลายกลุ่มอาจได้ประโยชน์จากความขัดแย้ง ได้ประโยชน์ทางการเงิน และทางการเมือง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียใจที่นำเอาความสูญเสียประชาชนมาเป็นเดิมพัน โดยรัฐบาลไม่อยากเห็นเช่นนั้น อยากเห็นการเข้ามาพูดคุยกับรัฐบาล ส่วนฝ่ายค้านที่ออกมาคัดค้าน ก็อยากให้มาสนับสนุนรัฐบาลยุติความรุนแรง โดยไม่ใช่ออกมาเรียกร้องไม่อยากเห็นสันติสุขเกิดขึ้นในภาคใต้

เมื่อถามว่า เหตุการณ์ความรุนแรงไม่ลดลง กลับถี่ขึ้น นายสุรนันทน์ กล่าวว่า จริงๆ หากมองสถิติทั้งหมด มีเหตุการณ์ที่น้อยลง แต่บางจุดยอมรับว่ารุนแรงขึ้น โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับคณะรองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา แต่ถ้าถามถึงความรุนแรงกลับลดลง และอยู่ในจุดที่เราต้องบริหารงานกับฝ่ายตรงข้าม และดูแลมาตรการในพื้นที่ เพื่อลดความสูญเสียลง

เมื่อถามว่า จะต้องเลื่อนวันพูดคุย ในวันที่ 29 เมษายนนี้หรือไม่ เพราะประเทศมาเลเซียอยู่ระหว่างการเลือกตั้ง นายสุรนันทน์ กล่าวว่า ยังเปิดเวทีในการพูดคุยต่อ เพราะ 2 เวทีที่ผ่านมาเป็นเพียงจุดเริ่มต้น เพราะฉะนั้นยังมีขบวนการอีกนาน และเรื่องนี้ต้องอดทนและระหว่างทางต้องมีขึ้น มีลงอีกเยอะ แต่การที่รัฐบาลเปิดทางพูดคุย ก็เพื่อให้ความยุติธรรมกับกลุ่มหนึ่งที่เข้าใจว่า รัฐบาลไทยไม่มีความยุติธรรม จึงเปิดเวทีเพื่อพูดคุย และพร้อมเปิดการพูดคุยกับกลุ่มอื่นๆ ดังนั้นต้องใช้เวลา คงไม่เสร็จในวันเดียว และรัฐบาลเองเมื่อเปิดการพูดคุยแล้ว ก็ต้องมีการประเมินทุกๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งประเมิน ว่าจะต้องมีการพูดคุยต่อไป เพื่อลดความรุนแรง ทั้งนี้ ระหว่างที่ประเทศมาเลเซียอยู่ระหว่างการเลือกตั้งหาเสียง ก็จะไม่กระทบต่อการเจรจา หรือต้องเลื่อนการเจรจาออกไป เพราะประเทศมาเลเซียไม่ได้ตัดสินใจบนพื้นฐานการเมืองแต่อยู่บนพื้นฐานการให้เกิดสันติภาพ เพราะฉะนั้นกระบวนการพูดคุยนี้ ไม่ใช่อยู่ที่ตัวอดีตนายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัค แต่เป็นกระบวนการเกี่ยวข้องของประเทศมาเลเซียทั้งหมด เพราะมีตัวแทนจากสภาความมั่นคง และตัวแทนสันติบาลของประเทศมาเลเซียเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ในการอำนวยความสะดวกการพูดคุย เพราะเป็นเรื่องของรัฐไทยและรัฐมาเลเซีย ที่ต้องการให้เกิดสันติภาพ เพื่อนำไปสู่การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐสองรัฐมองตรงกัน แต่ยอมรับว่ามีกลุ่มเล็กที่ไม่เห็นด้วยและต้องการใช้ความรุนแรง ดังนั้น เห็นว่า ต้องใช้เวลาทำความเข้าใจ

เมื่อถามว่า กรณีที่ ส.ว.บางคนเรียกร้องให้ปรับการพูดคุย ด้วยการเพิ่มหลักประกันความเสี่ยงประชาชนในพื้นที่ นายสุรนันทน์ กล่าวว่า เรื่องนี้ ทีมงานพูดคุยโดยเลขาธิการ สมช.และ ศอ.บต.ต้องดูจังหวะเวลา และนำข้อเสนอของ ส.ว.นักวิชาการ และคนอื่นๆ ทั้งฝ่ายค้านและประชาชน นำไปพิจารณา ว่าเป็นจุดที่เหมาะสม หรือยัง เพราะทางฝ่ายบีอาร์เอ็น ก็เตรียมประเด็นที่จะร้องขอมาเช่นกัน ดังนั้น ต้องจุดเหมาะสม เพื่อนำสู่การหยุดความรุนแรง

เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลเตรียมแจกแผ่นพับ ชี้แจงการใช้งบลงทุน 2 ล้านล้านบาทว่า ในเรื่องนี้ มีการดำเนินการ 2 ส่วน คือ มีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการลุงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่ง วงเงิน 2 ล้านล้านบาท โดยสภาผู้แทนราษฎร ขณะเดียวกัน มีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เรื่องการใช้เงินกู้ที่จะมาลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ดังนั้นนายกรัฐมนตรี จึงมีความรู้สึกว่า โครงการที่จะลงทุนไป มีความบิดเบือน ว่านำเงินไปใช้อะไร เกิดประโยชน์ไหม มีคอร์รัปชัน ไหม แม้จะชี้แจงที่สภาแล้ว แต่ยังมีความสงสัย เพราะฉะนั้นจะมีกระบวนการประชาสัมพันธ์ ชี้แจงเรื่องเงินกู้มาลงทุนว่าจะมีประโยชน์ทั้งสร้างรายได้ในประเทศ และเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ประชาชนสามารถใช้งานโครงการต่างๆ ได้ และประชาชนจะได้ประโยชน์ โดยการชี้แจงนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาประชาคมว่ารัฐจะทำอย่างนั้นอย่างนี้เพื่อให้ประชาชนมั่นใจ โดยจะเริ่มดำเนินการชี้แจง ทั้งการเดินสายปราศัยโดยให้ข้าราชการ รัฐมนตรี และพรรคเพื่อไทย ก็จะให้ ส.ส.ในพื้นที่ พร้อมชี้แจง และแจกแผ่นพับหลังเทศกาลสงกรานต์ ทั้งนี้เบื้องต้นสั่งจัดพิมพ์ 1 ล้านฉบับ


กำลังโหลดความคิดเห็น