xs
xsm
sm
md
lg

ปชป.ลั่นยื่นตีความแน่หากรัฐบาลยังดื้อด้านลุยแก้ รธน.เหตุทำผิดข้อบังคับ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“องอาจ” ซัดรัฐบาลหักดิบดันแก้ รธน.โดยผิดข้อบังคับ องค์ประชุมไม่ครบ ลั่นยื่นตีความแน่ หากยังดื้อด้านไม่ทบทวน ปัดตีรวนแต่ต้องการทำให้ถูกต้อง ขณะเดียวกันเฉ่งรัฐบาลยังมั่วข้อมูลลงทุนรถไฟความเร็วสูง 4 เส้นทาง จนที่สุดต้องให้สภาพัฒน์ นำไปทบทวนใหม่ สะท้อนล้มเหลว รวบรัด เร่งรีบ แนะตั้งหลักใหม่ทำเฉพาะโครงการที่คุ้มค่า ประหยัดงบ ลดหนี้ประชาชน



นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา ว่า พรรคประชาธิปัตย์ขอเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ไม่ใช่หักดิบใช้เสียงข้างมากโดยไม่เคารพการทำงานร่วมกันของฝ่ายค้าน เพราะเสียงข้างมากได้พยายามที่จะไม่ให้โอกาสฝ่ายค้านทำหน้าที่ตามที่มีการตกลงกันไว้ จากที่มีการตกลงเรื่องเวลาแต่ก็มีสมาชิกรัฐสภาเสนอปิดอภิปรายทั้งที่ฝ่ายค้านยังเหลือเวลาที่จะอภิปราย แต่ที่ประชุมใช้เสียงข้างมากปิดอภิปราย และยังหักดิบสรุปว่าให้แปรญัตติภายใน 15 วัน ทั้งที่ไม่มีการลงมติ เนื่องจากองค์ประชุมไม่ครบ จึงถือว่าเป็นกระบวนการที่ไม่ถูกต้อง เพราะฉะนั้นเสียงข้างมากจึงควรทำเรื่องนี้ให้ถูกต้องเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในภายหลัง ด้วยการเรียกประชุมรัฐสภาใหม่เพื่อทำให้ถูกต้อง เพราะไม่ได้เสียเวลาเพิ่มเติม แต่ถ้ารัฐบาลดึงดันเดินหน้าต่อ ก็เป็นความจำเป็นของฝ่ายค้านที่ต้องรักษาสิทธิทำหน้าที่ให้สมบูรณ์ โดยอาจต้องยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความว่ากระบวนการดังกล่าวถูกต้องหรือไม่

“ถึงเวลานั้นอย่ามากล่าวหาว่าฝ่ายค้านตีรวน เพราะพวกเรามีความประสงค์ตีความให้เกิดความถูกต้องไม่ได้หวังตีรวน ดังนั้นจึงอยากให้เสียงข้างมากที่เป็นของรัฐบาลและสมาชิกรัฐสภาดำเนินการเรื่องแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นไปด้วยความถูกต้องตามกฎหมายและข้อบังคับการประชุม เพราะถ้าปล่อยให้เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นจะไม่มีอะไรเป็นหลักประกันว่าจะไม่มีการใช้เสียงจ้างมากหักดิบเดินหน้าเรื่องที่ไม่ถูกต้องเพิ่มขึ้น”

นายองอาจ กล่าวว่า นอกจากนี้ในวันดังกล่าว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ร่วมลงมติด้วย จึงน่าจะเห็นความไม่ถูกต้องดังกล่าวแล้ว จึงควรที่จะทำให้กระบวนการเกิดความถูกต้องด้วยการแสดงภาวะผู้นำแก้ปัญหานี้

นายองอาจ ยังกล่าวถึงร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทที่กำลังพิจารณาในกรรมาธิการว่า มีความไม่แน่นอนในทางปฏิบัติเพิ่มขึ้นว่า หากร่างนี้มีผลบังคับใช้การปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายจะทำอย่างไร เช่น รถไฟความเร็วสูงที่รัฐบาลได้ส่งเรื่องกลับไปให้สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กลับไปพิจารณาถึงความคุ้มค่าการลงทุนทั้ง 4 เส้นทาง ทั้งที่ในการพิจารณาวาระแรกรัฐบาลพยายามบอกว่ามีความคุ้มค่าในการลงทุน แต่เมื่อกฎหมายผ่านวาระแรกไปแล้ว รัฐบาลกลับเพิ่งจะส่งเรื่องให้สภาพัฒน์พิจารณา เท่ากับว่าก่อนที่จะนำร่างกฎหมายดังกล่าวเข้าพิจารณาในสภาวาระแรกรัฐบาลไม่มีความรอบคอบในการใช้เงินกู้นี้ให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติอย่างแท้จริง เป็นการทำงานแบบหละหลวม รวบรัด เร่งรีบ จึงต้องถามว่าทำเพื่ออะไร

นายองอาจ กล่าวว่า กรณีที่ให้สภาพัฒน์เข้ามาดูแลในเรื่องรถไฟความเร็วสูง 4 เส้นทาง ตามที่เอกสารระบุว่า กทม.-เชียงใหม่ กทม.-หัวหิน กทม.-นครราชสีมา และ กทม.-พัทยา ทั้งนี้งบประมาณที่กำหนดสำหรับการดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงทั้งสี่เส้นทางคิดเป็นเงินประมาณ 7 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท รัฐบาลจึงควรเลือกทำเส้นทางที่มีความคุ้มทุนอย่างชัดเจน แทนที่จะนำเงินทั้งหมดทำหลายเส้นทางพร้อมกันทั้งที่ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะมีความคุ้มทุนหรือไม่ ก็ควรเลือกทำเส้นทางที่คุ้มค่ามากที่สุดเพื่อให้โครงการประสบความสำเร็จและเกิดประโยชน์ต่อประชาชน เพื่อลดภาระหนี้และดอกเบี้ย รวมทั้งลดระยะเวลาผ่อนชำระหนี้ด้วย

อย่างไรก็ตามพรรคจะติดตามเรื่องนี้ต่อไปว่าจะมีความไม่ชอบมาพากลอีกหรือไม่ เพราะทราบว่ารัฐบาลเพิ่งจะดำริตั้งคณะกรรมการกลางเพื่อกำกับดูแลเรื่องราคาที่จะดำเนินการ ทั้งที่เป็นเรื่องสำคัญกลับไม่มีการทำมาก่อน จึงมีความจำเป็นที่พรรคจะต้องติดตามเรื่องการกู้เงินมาทำโครงการต่างๆ ของรัฐบาล

ทั้งนี้ยืนยันว่าพรรคไม่ได้คัดค้านการพัฒนาเพื่อให้เกิดประโยชน์ แต่รัฐบาลต้องดำเนินการเรื่องนี้ด้วยความโปร่งใส เนื่องจากเงิน 2 ล้านล้าน มีผลผูกพันให้มีหนี้ร่วมกันถึง 50 ปี มีดอกเบี้ย 3 ล้านล้านบาท เท่ากับต้องใช้รัฐบาล 12 รัฐบาลเข้ามารับผิดชอบดูแลเงินกู้ก้อนนี้





กำลังโหลดความคิดเห็น