“ส.ว.สมชาย” นำร่องขอใช้สิทธิตาม รธน.68 ยื่นศาล รธน. สั่งระงับรัฐสภาแก้ รธน.ม. 68 ชี้เข้าข่ายลิดรอนสิทธิประชาชน พิทักษ์รัฐธรรมนูญ เป็นการล้มล้างการปกครอง
วันนี้ (2 เม.ย.) นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา หนึ่งในกลุ่ม 40 ส.ว. ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 เข้ายื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญขอให้พิจารณาวินิจฉัยกรณี นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานรัฐสภากับพวกซึ่งเป็น ส.ว.และ ส.ส.รวม 312 คน กระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ โดยร่วมกันเข้าชื่อเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่....) พ.ศ.... ต่อประธานรัฐสภาเพื่อที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 ที่เป็นเรื่องของสิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญ และรัฐธรรมนูญ มาตรา 237 ที่เกี่ยวกับการตัดสิทธิหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค กรณีมีคำวินิจฉัยให้ยุบพรรคการเมือง
โดยขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้นายสมศักดิ์และพวกที่เป็นผู้ถูกร้องยกเลิกการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 68 และมาตรา 237 และมีคำสั่งยุบพรรคพรรคเพื่อไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนา พรรคพลังชล พรรคมหาชน พรรคประชาธิปไตยใหม่ ที่ผู้ถูกร้องทั้งหมดสังกัดอยู่ รวมถึงขณะนี้รัฐสภากำลังมีการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญและจะลงมติวาระ 1 ในวันที่ 3 เม.ย. จึงขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวเป็นกรณีฉุกเฉินโดยสั่งให้รัฐสภาระงับการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะพิจารณาคดีเสร็จสิ้น
นายสมชายกล่าวว่า การเข้าชื่อกันเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมดังกล่าวจะมีผลเป็นการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการที่มิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ เนื่องจากนายสมศักดิ์และพวกเสนอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญโดยยกเลิกความในมาตรา 68 ซึ่งเป็นบทบัญญัติว่าด้วยสิทธิของบุคคลในการพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ซึ่งรัฐธรรมนูญให้การรับรองไว้
ที่สำคัญมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยรับรองไว้ด้วยว่าบุคคลมีสิทธิที่จะยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญได้โดยตรง สิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญดังกล่าว จึงย่อมได้รับการคุ้มครองและผูกพันทุกองค์กร ซึ่งรวมถึงผูกพันนายสมศักดิ์และพวกที่เป็นสมาชิกรัฐสภาด้วย แต่นายสมศักดิ์กับพวกกลับเสนอแก้ไขยกเลิกสิทธิของบุคคลในการที่จะใช้สิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญด้วยการยื่นคำร้องตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญออกไป เหลือเพียงให้ผู้ทราบการกระทำยื่นเรื่องผ่านอัยการสูงสุดเท่านั้น จึงเป็นการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ลิดรอนสิทธิเสรีภาพประชาชน ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 26, 27, 28, 29 พฤติการณ์ของนายสมศักดิ์และพวก จึงส่อว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดรัฐธรรมนูญและฝ่าฝืนคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 18-22/2555
“หากปล่อยให้นายสมศักดิ์และพวกใช้อำนาจหน้าที่แก้ไขรัฐธรรมนูญโดยยกเลิกมาตรา 68 จนสำเร็จแล้วก็จะนำไปสู่การแก้ไขในประเด็นอื่นๆ ตามที่เขาต้องการได้ในภายหลัง รูปการจะเป็นเช่นนี้ต่อไปไม่สิ้นสุด ไม่ว่าพรรคการเมืองใดเข้ามาเป็นฝ่ายบริหารได้เสียงข้างมากในรัฐสภา การเมืองการปกครอง ประเทศก็จะวนเวียนอยู่กับที่ ตามแต่พรรคการเมืองเสียงข้างมากต้องการจะได้อำนาจปกครองประเทศโดยไม่เคารพกติกาที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะเป็นภ้ยร้ายแรงต่อรัฐธรรมนูญและระบอบการปกครองประเทศที่เป็นการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขฯ ผมจึงจำเป็นต้องใช้สิทธิยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อปกป้องและป้องกันมิให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น เพราะหากปล่อยให้นายสมศักดิ์กับพวกเดินทางแก้ไขรัฐธรรมนูญจนเสร็จ ศาลไม่สมารถสั่งให้ยกเลิกการกระทำที่ผิดต่อรัฐธรรมนูญได้ ก็จะเป็นการปูทางไปสู่การยกเลิกรัฐธรรมนูญ 50 ในที่สุด จึงขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาและมีคำสั่งตามที่ร้องขอ”
นายสมชายยังกล่าวอีกว่า ความจริงแล้วถ้าจะมีการพิจารณาเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญควรจะพิจารณาเรื่องยังไม่มีการออกกฎหมาย หรือการปฏิบัติที่ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญมากกว่า เช่น การออกกฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ที่ขณะนี้ก็ยังไม่แล้วเสร็จ การตั้งองค์การอิสระจัดการด้านการสิ่งแวดล้อมทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพ หรือการที่รัฐบาลยังไม่แถลงผลงานต่อรัฐสภาหลังบริหารงานมาแล้ว 1 ปี เหล่านี้ควรมีการแก้ไขในรัฐธรรมนูญให้มีการกำหนดโทษกรณีไม่มีการปฏิบัติ ซึ่งจะเกิดประโยชน์กับประชาชนมากกว่า ไม่ใช่มาแก้มาตรา 68 ลิดรอนสิทธิประชาชน ซึ่งหลังการยื่นคำร้องของตนในครั้งนี้แล้วก็เชื่อว่าจะมี ส.ว.อีกหลายคนทยอยเข้ายื่นคำร้องลักษณะนี้อีกเช่นกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ศาลรัฐธรรมนูญอาจไม่รับคำร้องเพราะเป็นผู้มีส่วนได้เสียกับกรณีดังกล่าว นายสมชายกล่าวว่า เชื่อว่าศาลจะไม่คิดเช่นนั้น แต่เชื่อว่าศาลจะพิจารณายึดหลักข้อกฎหมายไปก่อน ตนได้ชี้ข้อกฎหมายที่ชัดเจน และสมาชิกรัฐสภากำลังกระทำผิดรัฐธรรมนูญขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ได้มีก่อนหน้านี้ จึงถือว่าขณะนี้ก็ได้มีการกระทำที่เกิดขึ้นแล้ว เชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญคงจะได้พิจารณาวินิจฉัยได้ทันเวลา