“จุรินทร์” แจงอภิปรายกู้ 2 ล้านล้าน รบ.กระอัก รถไฟความเร็วสูงไม่ตอบโจทย์ประเทศ การเมืองมีประโยชน์แฝง ย้ำให้สัมปทานเอกชนก็ไม่ต้องกู้เป็นหนี้ 50 ปี ลุยสอบตัวเลขจัดจ้างสูงเกินจริงต่อ ปัดตัดขาหวังผลการเมือง เล็งถกแบ่งเวลาอภิปรายแก้ รธน.
วันนี้ (29 มี.ค.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมวิปฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงภาพรวมการอภิปรายเมื่อวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมาถึงร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง วงเงิน 2 ล้านล้านบาทว่า สิ่งที่รัฐบาลจำนนคือเรื่องเส้นทางของรถไฟฟ้าความเร็วสูงที่ไม่ได้ตอบโจทย์ประเทศ เนื่องจากเป็นโครงการที่อยู่ในลักษณะการตอบโจทย์ทางการเมืองมากกว่า ซึ่งดูได้จากสมมติฐานที่รัฐบาลตั้งไว้ว่าประเทศไทยมีปัญหาระบบขนส่งสินค้าและมีต้นทุนในการขนส่งสูงมาก จึงมีความจำเป็นต้องลดต้นทุนการขนส่งสินค้าเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของประเทศ แต่เวลาการตอบโจทย์แทนที่จะเน้นเรื่องการจัดระบบการขนส่งสินค้า เช่น ระบบราง กลับเน้นการขนส่งคนแทน ซึ่งต้องใช้งบประมาณครึ่งหนึ่งของเงินกู้ทั้งหมด หรือ 1 ล้านล้านบาท ซึ่งหากมีการลงทุนโดยไม่มีการกู้หนี้ยืมสินก็ไม่มีปัญญา แต่โครงการดังกล่าวจะต้องกู้เงินทั้งหมดในวงเงินที่สูง
นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันเส้นทางที่กำหนดไว้ก็ไม่ได้ตอบโจทย์ประเทศตามที่พูดไว้ โดยเส้นทางต่างๆ ไม่ได้เชื่อมภูมิภาค อย่างเช่น จังหวัดเชียงใหม่ นครราชสีมาและหนองคาย ก็ไม่ได้มีการเชื่อมภูมิภาค ส่วนที่ อ.หัวหิน ก็ไม่สามารถเชื่อมไปประเทศมาเลเซียได้เพราะหากจะเชื่อมมาเลเซียก็ต้องไปถึงปาดังเบซาร์ เป็นต้น ซึ่งตนคิดว่ารัฐบาลยอมรับว่าไม่ได้ตอบโจทย์ แต่ทำไมจึงต้องกู้ และไม่ใช้วิธีอื่น ซึ่งรัฐบาลยังชี้แจงไม่ชัดเจน แต่สิ่งที่ฝ่ายค้านเห็นคือรัฐบาลมีความพยายามที่จะกู้เงินเป็นหลัก ซึ่งฝ่ายค้านเห็นว่าน่าจะมีผลประโยชน์ซ่อนเร้นจากการกู้เงินจำนวนดังกล่าวในครั้งนี้หรือไม่
นายจุรินทร์กล่าวอีกว่า วันนี้จะเน้นการอภิปรายจับพิรุธตัวเลขค่าใช้จ่ายที่ใช้ในแต่ละโครงการต่างๆ ที่ดูสูงเกินกว่าปกติ เมื่อเปรียบเทียบกับการศึกษาในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ขณะเดียวกันมีตัวเลขค่าจ้างที่ปรึกษาก็สูงมาก ซึ่งทำให้มีข้อพิรุธที่ดูเหมือนจะกลายเป็นเงินกินเปล่าหรือไม่
อย่างไรก็ตาม การเริ่มต้นดำเนินการในโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงนั้น ตนเห็นว่าไม่จำเป็นต้องใช้เงินกู้จำนวนมหาศาล ก็จะไม่มีคนออกมาคัดค้าน ซึ่งอาจใช้วิธีการให้สัมปทาน โดยที่รัฐบาลไม่จำเป็นต้องไปกู้เงินเพื่อให้เป็นหนี้ถึง 50 ปี ทำให้สังคมเกิดความเคลือบแครงสงสัยว่าจะกลายเป็นภาระในระยะยาว
เมื่อถามว่าฝ่ายค้านเกรงว่าประชาชนจะเทคะแนนเสียงไปให้พรรคเพื่อไทยหรือไม่หากมีการดำเนินโครงการดังกล่าว นายจุรินทร์กล่าวว่า ไม่ได้มองเรื่องการเมือง แต่มองผลประโยชน์ในระยะยาวของประเทศ เนื่องจากฝ่ายค้านสนับสนุนรถไฟฟ้าความเร็วสูงอยู่แล้ว แต่ไม่สนับสนุนการได้มาของโครงการด้วยการกู้เงินทั้งหมด ทำไมจึงไม่ให้สัมปทานแก่เอกชน โดยที่รัฐบาลไม่ต้องลงทุนเองทั้งหมด เช่น สมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่มีการเริ่มต้นโดยการเจรจาร่วมมือกับจีน ซึ่งได้ผ่านการเห็นชอบของสภาแล้ว ซึ่งทำให้ไม่ต้องกู้เงินอย่างเช่นรัฐบาลชุดนี้
นอกจากนี้ นายจุรินทร์ยังกล่าวถึงการประชุมพิจารณาแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญที่จะเข้าสภาในวันที่ 1-3 เม.ย.นี้ว่า ตามที่วิปรัฐบาลออกมาระบุว่ามีการตกลงกับวิปทั้ง 3 ฝ่ายแล้วนั้น ตนคิดว่ามีความคลาดเคลื่อน ประเด็นแรกที่ตรงกันคือการขอให้มีการประชุม 3 วัน คือ วันที่ 1-3 เม.ย. โดยวันที่ 1 เม.ย. เริ่ม 10.30-22.00 น. วันที่ 2 เม.ย. 09.30-22.00 น. แต่ที่ประตรงกันคือ การจัดสรรเวลาในการอภิปราย ในส่วนของ ส.ว.จะได้ 8 ชั่วโมง แต่เวลาสำหรับ ส.ส.26 ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งเวลาของ ส.ส.ที่ระบุไว้นั้นยังไม่ได้ตกลงกันว่าจะแบ่งเวลากันอย่างไร ซึ่งยังคลาดเคลื่อนอยู่ จึงต้องมีการตกผลึกกันอีกครั้งไม่เช่นนั้นจะไม่เป็นไปตามการอภิปรายตามข้อเท็จจริง