เด็กภูมิใจเน หนุนพัฒนาระบบขนส่ง แต่ไม่จำเป็นต้องกู้ หวั่นคลังมีปัญหา แนะให้เอกชนร่วมทุน ติงรถไฟความเร็วสูงไม่เป็นธรรม เหนือดูเป็นรูปเป็นร่างสุด ฟันธง รฟม.ดูแลไม่รุ่ง ดักอย่าใช้เสียงมากไม่ฟัง ปชช. เด็ก พท.ไม่สนโดดหนุน อ้างศึกษารอบคอบเดินตามนโยบาย
วันนี้ (29 มี.ค.) การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ (พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท) นายสนอง เทพอักษรณรงค์ ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย อภิปรายว่า ตนเห็นด้วยกับการพัฒนาระบบขนส่งและควรจะมีการพัฒนามาตั้งนานแล้ว แต่สิ่งที่น่ากลัวคือ สถานะทางการเงินการคลังที่อาจจะมีปัญหา อีกทั้งยังเห็นว่าประชาชนยังต้องการให้มีการพัฒนาด้านอื่นอีกหลายๆ ด้าน ดังนั้นจึงเห็นว่ารัฐบาลน่าจะมีแนวทางอื่นโดยที่ไม่ต้องกู้เงิน แต่มีการประกาศให้เอกชนมาร่วมทุนในไทย
นอกจากนี้ ในส่วนโครงการรถไฟความเร็วสูงของรัฐบาลจำนวน 4 สายคือ กรุงเทพฯ- เชียงใหม่, กรุงเทพฯ-หนองคาย, กรุงเทพฯ-ประดังเบซา และกรุงเทพฯ-อุบลราชธานี นั้นตนเห็นว่ารัฐบาลสามารถดำเนินการเพียงสายเดียว คือ กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ จึงเรื่องนี้ทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมต่อประชาชนพื้นที่อื่นๆ โดยเฉพาะในภาคอีสาน นอกจากนี้ ตนยังมีความเป็นห่วง หากรัฐบาลมีการดำเนินการตามโครงการดังกล่าวจริงจะให้หน่วยงานใดมาดูแล ซึ่งหากเป็นการรถไฟแห่งประเทศไทย ตนก็เชื่อว่าคงจะเจ๊า อย่างไรก็ตาม ตนหวังที่จะเห็นการดำเนินการแบบค่อยเป็นค่อยไปในการดำเนิการต่างๆ มากกว่าการกู้เงิน 2 ล้านล้านบาทซึ่งภาระจะไปตกอยู่กับประชาชน
“วันนี้รัฐบาลจะมาอาศัยเสียงข้างมากในการลงมติในสภาอย่างเดียวคงไม่ได้ เพราะคนที่จะใช้หนี้ไม่ใช่เสียงส่วนใหญ่ในสภาเท่านั้น แต่เป็นประชาชนจำนวน 60 ล้านคน ดังนั้นจึงควรมีการทำประชามติถามความเห็นจากประชาชนก่อนแล้วค่อยดำเนินการ” ส.ส.บุรีรัมย์กล่าว
นายเชาวลิต วิชยสุต ส.ส.เพื่อไทย สนันสนุนรัฐบาล พร้อมมองว่ากู้เงินด้วยการตราเป็นพระราชบัญญัติ ถือเป็นความรอบคอบให้สามารถมีการตรวจสอบได้ อีกทั้งยังมองว่า เป็นการดำเนินการตามที่นายกรัฐมนตรีได้แถลงต่อรับสภาไว้ ด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน พัฒนาระบบราง และขนส่งมวลชน อีกทั้งจากการติดตามสถานการณ์ทั่วไปพบว่าภาคเอกชน สมาคมลอจิสติกส์ก็ให้การสนับสนุน เพียงมีการแสดงความกังวลเรื่องความโปร่งใสในการดำเนิน โครงการ ส่วนข้อกังวลที่ฝ่ายค้านแสดงความเป็นห่วงเรื่องความคุ้มค่าในการลงทุน ก็เชื่อว่ารัฐบาลได้รวบรวมประเด็นปัญหาไว้แล้ว