“ชวนนท์” หวั่น “ปู” โดน “แม้ว” บีบผ่านนิรโทษ จี้ “ธาริต” นำคำพยานวัดปทุมฯ สอบเพิ่ม

โฆษกประชาธิปัตย์ ห่วง “ยิ่งลักษณ์” ถูก “ทักษิณ” บีบให้ผ่าน พ.ร.บ.นิรโทษ ชู 3 สมมติฐาน จี้ตัดสินใจต่อต้านเพื่อยุติปมขัดแย้ง ชี้แก้รัฐธรรมนูญแค่เพิ่มสิทธิ์นักการเมือง แนะอธิบดีดีเอสไอ นำข้อมูลพยานแดงพูดชัด มียิงจากกุฏิวัดปทุมฯ ใส่ทหาร



วันนี้ (24 มี.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า มีความเป็นห่วงว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีกำ ลังถูกบีบ และมีความจำเป็นต้องให้ความร่วมมือคนเสื้อแดง และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รวมถึงบุคคลต่างๆ ที่ทำผิดคดีอาญา ทุจริต และทำผิดกฎหมายอาญามาตรา 112 เพราะจากการประเมินล่าสุดมีความเป็นไปได้ว่า อาจถูก พ.ต.ท.ทักษิณ เร่งรัดให้ผลักดันกระบวนการเหล่านี้ ไม่เช่นนั้นอาจถูกปลดพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มีสมมติฐาน 3 ประการ คือ 1.ข่าวเรื่อง ป.ป.ช.จะมีการพิจารณาเรื่องการซุกหนี้ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้ออกจากฝ่ายค้าน หรือสื่อที่อยู่ตรงข้ามกับรัฐบาล แต่ถูกปล่อยจากคนในฝั่งรัฐบาล และสื่อที่ใกล้ชิดรัฐบาล เป็นการสั่นคลอนตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 2.การลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเปิดทางให้ นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หายใจรดต้นคอ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพื่อกดดันให้เดินหน้าตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการ

นายชวนนท์ กล่าวว่า 3.ผลสำรวจของสำนักวิจัยที่ใกล้ชิดรัฐบาลระบุว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ เป็นต้นตอของความขัดแย้ง ซึ่งไม่เคยมีผลสำรวจเช่นนี้มาก่อน และต่อมาผลสำรวจในวันนี้ ก็ระบุว่าประชาชนเชื่อว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะพ้นตำแหน่งจากการซุกหนี้ จึงคิดว่าน่าจะเป็นความพยายามกดดันให้ต้องปฏิบัติตามความต้องการของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่ง นายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นแกนนำในการเสนอร่างกฎหมายนิรโทษกรรมเข้าสภา ก็ระบุว่า ทั้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ และ พ.ต.ท.ทักษิณ อนุมัติให้เดินหน้าเลื่อนวาระการพิจารณา พ.ร.บ.นิรโทษกรรมให้ทันสมัยประชุมนี้ จึงคิดว่าจะทำให้สถานการณ์บ้านเมืองวุ่นวาย ทั้งนี้อยากให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ใช้ความกล้าต่อต้านความต้องการของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะจะทำให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงจนอาจนำไปสู่การบาดเจ็บ ล้มตายอีกครั้ง จึงขอให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ปกป้องบ้านเมืองมากกว่าผลประโยชน์ครอบครัวตัวเอง

นายชวนนท์ กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราของรัฐบาล และกลุ่ม ส.ว.ต้องคำนึงว่าเป็นการแก้ไขเพื่อผลประโยชน์ประชาชนและประเทศอย่างแท้จริงหรือไม่ ซึ่งจากการพิจารณาหลักการและเหตุผลไม่สามารถตอบได้ว่าประชาชนจะได้อะไร เพราะเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเพิ่มสิทธินักการเมืองตัดสิทธิประชาชน เช่น การให้ ส.ว.กลับมาเลือกตั้งได้อีกเมื่อครบวาระ เป็นการเพิ่มสิทธิให้ดำรงตำแหน่งสองสมัยอย่างชัดเจน และยังเพิ่มสิทธิ ส.ส.หากกระทำผิดไม่ต้องรับโทษจากการยุบพรรคหรือหลุดพ้นจากการทำผิดแม้ว่าจะเป็นกรรมการบริหารพรรค ซึ่งประชาชนไม่ได้ประโยชน์ แต่การตัดสิทธิประชาชนในมาตรา 68 จากการพิทักษ์รัฐธรรมนูญไม่ให้ร้องตรงไปยังศาลรัฐธรรมนูญแต่ให้ฟ้องผ่านอัยการสูงสุดแทน เท่ากับถ้าอัยการไม่ขยับประชาชนจะโดนตัดมือตัดเท้าไม่สามารถทำอะไรได้อีก เช่นเดียวกับมาตรา 190 ที่ไม่มีความจำเป็นต้องแก้นอกจากจะพยายามไปเจรจาสนธิสัญญาที่เกี่ยวกับอธิปไตยนอกอาณาเขต เช่น พื้นที่ทางทะเล หากเป็นไปตามเดิมต้องนำเข้าสู่สภาแต่เมื่อตัดคำว่าอธิปไตยนอกอาณาเขตไปแล้วจะทำให้การเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไม่ต้องเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาใช่หรือไม่ ตนจึงอยากให้รัฐบาลทบทวนในเรื่องเหล่านี้

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความคืบหน้าในการไต่สวนคดีการเสียชีวิต 6 ศพวัดปทุมวนาราม ที่พยายามมีการกล่าวหาว่าเป็นฝีมือเจ้าหน้าที่ทหารยิงจากรางรถไฟฟ้าหน้าวัดปทุมวนารามว่า มีความคืบหน้าในการสืบพยานคือ นายอภิสิทธิ์ แสงแก้ว พยานในเหตุการณ์ให้การต่อศาลว่า เป็นคนทำบั้งไฟหลังเวทีราชประสงค์ได้รับค่าจ้างวันละ 500 บาท แต่ไม่ได้ค่าจ้างจึงเลิกและไปอาศัยในวัดปทุมวนาราม โดยเห็นปากกระบอกปืนบนชั้นสองของกุฏิพระยิงใส่ทหารบนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส จึงขอเรียกร้องว่าเมื่อมีพยานระบุเช่นนี้ให้มีการตรวจสอบวิถีกระสุนจากศพผู้ตายว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ว่าวิถีกระสุนดังกล่าวจะมาจากบริเวณชั้นสองของกุฏิพระในวัดปทุมวนาราม และอยากให้นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ นำข้อมูลนี้ไปประกอบการเร่งรัดการดำเนินคดีด้วย