xs
xsm
sm
md
lg

ผบ.ทบ.เผยผลงานรัฐ 4 ข้อดับไฟใต้ ย้ำเจรจาไทยต้องเป็นรัฐเดียว ไม่ฟันธงบึ้มปัตตานี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ภาพจากแฟ้ม)
“ประยุทธ์” เผยมาเลย์ คุยถกโจรช่วยดับไฟใต้ใน 2 ปี เชื่อได้เห็นหน้าเห็นหลัง ชี้ถก “บีอาร์เอ็น” 28 มี.ค.แค่พิสูจน์ฝ่าย ยันทีมเจรจาไร้อำนาจตกลงใจ ต้องให้รัฐบาลอนุมัติ เปิดผลงานรัฐ 4 ข้อดับไฟใต้ ยันต้องเป็นรัฐเดียว แบ่งแยกไม่ได้ ส่วนเหตุบึ้มล่าสุดที่ปัตตานี ชี้มีหลายสาเหตุ ยังไม่ชัดโจรแสดงศักยภาพ หรือเรื่องส่วนตัว


วันนี้ (22 มี.ค.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก เมื่อเวลา 15.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวถึงสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า เมื่อวันที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมา พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ได้นำคณะของรัฐบาลจากหลายกระทรวงลงไปดูข้อมูลในพื้นที่ ซึ่งการแก้ไขปัญหาเป็นไปตามลำดับ ขณะนี้ฝ่ายรัฐและขบวนการอยู่ในระยะที่ 2 ที่ต้องมีการพูดคุย ทำความเข้าใจกันมากขึ้น โดยในส่วนของรัฐมีผลออกมา 4 ประการ คือ 1.รัฐบาลโดยกระทรวง ทบวง กรม ให้ความสนใจ ทำให้มีความเป็นเอกภาพ และบูรณาการมากขึ้น 2.ประชาชนมีส่วนร่วม และพึงพอใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ แม้จะยังไม่พอใจ 100% ก็ตาม 3.มีความก้าวหน้าในการพูดคุยกับขบวนการในทางที่ดี โดยย้ำในการพูดคุยภายใต้กรอบกฎหมายที่มีอยู่ 4.เพื่อนบ้านให้ความร่วมมือกับไทย ทั้งนี้ การพูดคุยต้องเริ่มต้นเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินก่อนพูดเรื่องอื่น ซึ่งเราต้องยืนยันเรื่องความเป็นหนึ่ง หรือรัฐเดียว แบ่งแยกไม่ได้

ส่วนที่ยังมีการก่อเหตุที่ จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมานั้น แน่นอนว่า ยังมีกลุ่มที่ต้องการแสดงศักยภาพ แต่เราต้องดูและแบ่งแยกให้ได้ เพราะมีหลายสาเหตุ บางเรื่องเกิดจากเรื่องส่วนตัว แต่มาเกิดในสถานที่เดียวกัน ทำให้แก้ไขปัญหาค่อนข้างยาก ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่ต้องบอกกัน ไม่เช่นนั้น ประชาชน หรือ สังคมโลก จะไม่เข้าใจว่า ทหาร เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำอะไรกันอยู่ ส่วนความคืบหน้าในการพูดคุยกับขบวนการบีอาร์เอ็นนั้น เป็นการพูดคุยกับตัวแทน ซึ่งเป็นการคุยในต่างประเทศ เมื่อจัดมาให้คุย เราก็คุย ไม่เป็นไร พยายามระมัดระวังที่สุด ต้องดูว่า เขาจะทำอะไรได้แค่ไหน ทุกภาคส่วนเห็นว่าถ้าทำได้ ก็เป็นสิ่งดี ถ้าทำไม่ได้ ก็ยุติไป

สิ่งที่สำคัญคือต้องระมัดระวังในข้อกฎหมาย ดังนั้นทุกฝ่ายต้องช่วยกัน อย่าไปตำหนิว่า คณะที่ไปได้ตกปากรับคำไปแล้ว ยืนยันว่า ไม่ได้มีการรับปากใดๆ ทั้งสิ้น เพราะเป็นการพูดคุยเป็นคณะ และก่อนไป น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ได้หารือร่วมกับรองนายกรัฐมนตรี รมว.กลาโหม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในส่วนที่เกี่ยวกับคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์แก้ไขปัญหาภาคใต้ (กปต.) พร้อมด้วยกลุ่มงานที่ 6 ซึ่งเกี่ยวข้องกับการแสวงหาทางออกเพื่อลดความขัดแย้ง ที่มี พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นประธาน ก็มีการพูดคุยร่วมกันก่อนว่า จะไปคุยเรื่องอะไร

“คิดว่าวันที่ 28 มี.ค.นี้ ถ้าจะมีการคุยกันได้จริง คงเป็นการแนะนำตัวว่า ใครเป็นใคร เอารายชื่อมาดูว่า ใครมีปัญหาตรงไหน ปัญหางานพัฒนาเป็นอย่างไร กลุ่มคนเหล่านั้นเสนออะไรมาก็ต้องเสนอเข้า กปต.โดย กปต.ต้องขอรัฐบาลก่อนจะตอบเขาว่า จะทำอย่างไร ไม่ใช่การเจรจาซื้อของที่ตลาด ครั้งนี้คงเป็นการพิสูจน์ฝ่ายกันก่อนว่าจะเป็นไปได้แค่ไหน อย่างไร ถ้าโอเคแล้วก็ต้องไปนัดคุยกันครั้งต่อไป มันก็ต้องเดินเป็นสเต็ปๆ ไป ส่วนกรอบเวลาในการพูดคุย เท่าที่ทราบ ทางมาเลเซียบอกไว้ว่าไม่น่าเกิน 2 ปี โดยปีแรกเป็นการคุยกันให้ได้ สิ่งใดทำได้ก็เริ่มทำ ภายใน 2 ปี ต้องเห็นหน้าเห็นหลัง เห็นว่าดีขึ้น หรือ เลวลง แต่ไม่ใช่ 2 ปีจะจบ ปัญหาของชนชาติ ประวัติศาสตร์ ชาติพันธุ์ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมา 100-200 ปี เหล่านี้แค่ 50% ที่เหลือเป็นปัญหาในท้องถิ่น ปัญหาการเมืองท้องถิ่น ยาเสพติด สิ่งผิดกฎหมาย ซึ่งทั้งประเทศไทย และทั่วโลกก็มีปัญหาแบบนี้ แต่มากน้อยต่างกัน เมื่อมีปัญหาเรื่องประวัติศาสตร์ ชาติพันธุ์ มาเติมเข้าไปด้วย ทำให้แรงขึ้น คนเหล่านี้บางทีเขาดุเดือด ต่อสู้เพื่อประวัติศาสตร์ของเขา ดังนั้นต้องสร้างความเข้าใจกับเขา วันนี้มีคนออกมาพูดคุยกับทางการจำนวนมากแล้ว” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น