แถลงการณ์ “สมาพันธ์พิทักษ์ประเทศไทย” เผยพร้อมเข้าชื่อเสนอ กม.ภาค ปชช. ชี้ กม.3 ฉบับแย้งกับ รธน.50 ต้องแก้ทั้งสูตรคำนวณบำนาญรัฐ-เอกชน ต้องเท่ากัน ยกเลิกบังคับเป็นสมาชิก 2 กองทุน ตั้งโต๊ะขอรายชื่อ 25 มี.ค.ที่ลานพระบรมรูปฯ
วันนี้ (19 มี.ค.) สมาพันธ์พิทักษ์ประเทศไทยได้ออกแถลงการณ์ เรื่องการเข้าชื่อเสนอกฎหมายภาคประชาชน โดยระบุว่าสถาการณ์ปัจจุบันมีประชาชนจำนวนมากที่มีความตื่นรู้ในเรื่องสิทธิประโยชน์และหน้าที่ของประชาชนตามกฎหมายรัฐธรรมนูญที่เป็นกฎหมายสูงสุด ซึ่งตรงกับวัถตุประสงค์ของสมาพันธ์พิทักษ์ประเทศไทย และองค์กรเครือข่ายภาคประชาชน และภาคราชการทั่วประเทศ แต่ยังมีพระราชบัญญัติหรือกฎหมายอื่นเป็นจำนวนมากที่ตราเป็นกฎหมายในอดีตก่อนปี พ.ศ. 2550 และยังมีข้อบัญญัติในมาตราต่างๆ ที่ขัดแย้งกับกฎหมายรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 ซึ่งยังไม่มีการบอกล้าง หรือยกเลิก เช่น ข้อบัญญัติในพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2494, ข้อบัญญัติในพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2539, ข้อบัญญัติในพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 ฯลฯ
สมาพันธ์พิทักษ์ประเทศไทย และองค์กรเครือข่ายภาคประชาชน และภาคราชการทั่วประเทศ ได้ประชุมหารือได้ข้อสรุปเป็นมติว่าจะรวมตัวเพื่อเข้าชื่อเสนอกฎหมาย ตามมาตรา 163 ของกฎหมายรัฐธรรมนูญ เพื่อแก้ไขข้องบัญญัติของทั้ง 3 พระราชบัญญัติดังกล่าว เพื่อมิให้ขัดแย้งกับข้อบัญญัติของกฎหมายรัฐธรรมนูญ โดยมีสาระสำคัญ เช่น แก้ไขสูตรคำนวณบำนาญของภาครัฐและภาคเอกชนให้ใช่สูตรเดียวกันเพื่อมิให้เกิดความเหลื่อมล้ำ และมีผลย้อนหลังให้แก่ข้าราชการและลูกจ้างเอกชน, ยกเลิกข้อบัญญัติที่บังคับให้ข้าราชการภาครัฐและผู้ประกอบการและลูกจ้างเอกชนต้องเป็นสมาชิกของทั้ง 2 กองทุน
ทั้งนี้ ให้ภาคประชาชนและภาคราชการทุกภาคส่วนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป รวมตัวกันเพื่อเข้าชื่อเสนอกฎหมายจำนวน 3 พ.ร.บ. ณ บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า ในวันอังคารที่ 26 มีนาคมนี้ เวลา 07.00 น.
วันนี้ (19 มี.ค.) สมาพันธ์พิทักษ์ประเทศไทยได้ออกแถลงการณ์ เรื่องการเข้าชื่อเสนอกฎหมายภาคประชาชน โดยระบุว่าสถาการณ์ปัจจุบันมีประชาชนจำนวนมากที่มีความตื่นรู้ในเรื่องสิทธิประโยชน์และหน้าที่ของประชาชนตามกฎหมายรัฐธรรมนูญที่เป็นกฎหมายสูงสุด ซึ่งตรงกับวัถตุประสงค์ของสมาพันธ์พิทักษ์ประเทศไทย และองค์กรเครือข่ายภาคประชาชน และภาคราชการทั่วประเทศ แต่ยังมีพระราชบัญญัติหรือกฎหมายอื่นเป็นจำนวนมากที่ตราเป็นกฎหมายในอดีตก่อนปี พ.ศ. 2550 และยังมีข้อบัญญัติในมาตราต่างๆ ที่ขัดแย้งกับกฎหมายรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 ซึ่งยังไม่มีการบอกล้าง หรือยกเลิก เช่น ข้อบัญญัติในพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2494, ข้อบัญญัติในพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2539, ข้อบัญญัติในพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 ฯลฯ
สมาพันธ์พิทักษ์ประเทศไทย และองค์กรเครือข่ายภาคประชาชน และภาคราชการทั่วประเทศ ได้ประชุมหารือได้ข้อสรุปเป็นมติว่าจะรวมตัวเพื่อเข้าชื่อเสนอกฎหมาย ตามมาตรา 163 ของกฎหมายรัฐธรรมนูญ เพื่อแก้ไขข้องบัญญัติของทั้ง 3 พระราชบัญญัติดังกล่าว เพื่อมิให้ขัดแย้งกับข้อบัญญัติของกฎหมายรัฐธรรมนูญ โดยมีสาระสำคัญ เช่น แก้ไขสูตรคำนวณบำนาญของภาครัฐและภาคเอกชนให้ใช่สูตรเดียวกันเพื่อมิให้เกิดความเหลื่อมล้ำ และมีผลย้อนหลังให้แก่ข้าราชการและลูกจ้างเอกชน, ยกเลิกข้อบัญญัติที่บังคับให้ข้าราชการภาครัฐและผู้ประกอบการและลูกจ้างเอกชนต้องเป็นสมาชิกของทั้ง 2 กองทุน
ทั้งนี้ ให้ภาคประชาชนและภาคราชการทุกภาคส่วนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป รวมตัวกันเพื่อเข้าชื่อเสนอกฎหมายจำนวน 3 พ.ร.บ. ณ บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า ในวันอังคารที่ 26 มีนาคมนี้ เวลา 07.00 น.
