ว่าที่ผู้ว่าฯ กทม.เผยงานแรกลุยติดกล้องวงจรปิด พร้อมดูแลจัดสรรงบ กทม.57 ลุยโครงการที่ศึกษา โว 1 ปีเห็นความชัดเจน แจงรองผู้ว่าฯต้องฟังทั้งตนและพรรค ทุบโต๊ะสั่งไม่ได้ แย้มคนเก่าหลุดอย่าน้อยใจ ส่วนผู้ทรงคุณวุฒิตั้งเองไร้ปัญหา ย้ำดีเอสไอตั้งข้อหาทำเกินหน้าที่ ย้อน รบ.ไร้รอยต่อต้องช่วยกัน
วันนี้ (4 มี.ค.) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ว่าที่ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวถึงการปรับปรุงการทำงานว่า นโยบายส่วนใหญ่ตนก็ได้ขับเคลื่อนตามที่ได้ตั้งใจไว้แล้ว ซึ่งก็เหลือแค่เรื่องประชาสัมพันธ์งานที่ได้ขับเคลื่อนแล้ว ส่วนงานที่ต้องทำเป็นอันดับแรกตามที่หาเสียงคือต้องทำเรื่องที่ยังค้างอยู่ เช่น เรื่องขอจัดสรรงบประมาณซื้อกล้องวงจรปิด 27,000 ตัวแล้ว ซึ่งก็กำลังดำเนินการการติดตั้ง จึงอยากเร่งรัดให้ติดตั้งให้เสร็จ ซึ่งหากไม่เพียงพอก็จะสามารถบรรจุเข้าในร่างข้อบัญญัติงบประมาณที่จะเสนอสภา กทม.ในเดือน มิ.ย.ดังนั้นสิ่งแรกที่จะทำคือการดูแลการจัดสรรงบประมาณ กทม.ในปี 2557 เพราะโดยปกติสำนักต่างๆ ต้องทำงบมาที่สำนักงบในเดือน ก.พ.แต่ขณะนี้ก็ล่าช้าไปแล้ว นอกจากนั้นก็จะติดตามความคืบหน้าโครงการที่ตนได้สั่งการให้มีการศึกษาไว้แล้ว อาทิ อุโมงค์ยักษ์ ระบบระบายน้ำ อุปกรณ์ดับเพลิงในอาคารสูงเป็นต้น ทั้งนี้สิ่งที่ตนจะดำเนินการนั้นมีหลายสิ่งหลายอย่างที่จะเห็นความชัดเจนภายใน 1 ปี อย่างการเพิ่มสวนสาธารณะก็น่าจะเสร็จภายในปีนี้ รวมทั้งการติดตั้งกล้องวงจรปิดเพิ่ม
ส่วนความชัดเจนทีมรองรองผู้ว่าฯ นั้นว่า ตนยังไม่ได้คุยเรื่องนี้กับทางพรรคซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่ถือว่ามีความล่าช้าแต่อย่างใด และยืนยันว่าอำนาจในการเลือกรองผู้ว่าฯนั้นเป็นของตนตามกฏหมาย แต่ก็ต้องหารือกับพรรคด้วย
“เราต้องหารือก่อนเพราะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ หากจะเอาคนที่ทำงานกับผมไม่ได้ ผมก็ต้องขอเปลี่ยน และหากผมจะเอาคนที่พรรคไม่เอาก็ไม่ได้ ไม่ใช่ว่าใครจะมาชี้ขาด เพราะต้องหารือทั้งสองฝ่าย ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นคนในพรรคทั้งหมด หรือมีคนนอกมาร่วม พรรคจะทุบโต๊ะเอาคนที่ผมเห็นว่าไม่เหมาะสมไม่ได้ และผมจะทุบโต๊ะเอาคนที่พรรคไม่เอาก็ไม่ได้” ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าว
ส่วนทีมผู้ทรงคุณวุฒิบริหารจัดการมหานครที่เปิดรายชื่อไปก่อนหน้านี้จะมีชื่อเป็นรองผู้ว่าฯหรือไม่นั้น ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่าก็ไม่มีใครยื่นเงื่อนไขในเรื่องนี้ แต่ก็เชื่อว่าจะไม่เกิดความขัดแย้งในการเลือกรองผู้ว่าฯในครั้งนี้ ทั้งนี้ตนคิดว่ารองผู้ว่าฯ คนเก่าหากไม่ได้เป็นก็ไม่ควรจะน้อยใจเพราะส่วนใหญ่ได้ทำงานมาแล้ว 4 ปี เมื่อเทียบกับผู้ว่าคนอื่นเปลี่ยนบ่อยกว่าตนอีก
ผู้สื่อข่าวถามว่ากังวลหรือไม่แม้จะประกาศว่าจะทำงานร่วมกับรัฐบาลแบบไร้รอยต่อ แต่ก็ยังมีคดีในกรสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่อาจจะทำให้การทำงานสะดุดเหมือนสมัย นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน เคยโดน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นคนละเรื่องเพราะกรณี นายอภิรักษ์นั้น คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีอำนาจเต็มในการตรวจสอบ แต่ในกรณีของตนดีเอสไอไม่มีอำนาจหน้าที่ เป็นการทำเกินอำนาจหน้าที่ ไม่ใช่การทุจริต
“เรื่องนี้ตบมือข้างเดียวมันไม่ดัง รัฐบาลบอกว่าจะทำงานไร้รอยต่อ ผมจะทำอยู่ฝ่ายเดียวไม่ได้ มันต้องช่วยกัน ผมดีใจที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี บอกว่ายินดีจะทำงานร่วมกัน” ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าว
