นางนินนาท ชลิตานนท์ ปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีความห่วงใยปัญหาช้างไทย ที่ปัจจุบันมีความรุนแรง และจากข่าวที่เกิดขึ้นก็ได้สร้างความเศร้าใจที่ช้างสัตว์คู่บ้านคู่เมืองของเราถูกทำร้ายเพียงเพื่อหวังผลทางการค้า ทั้งนี้ในส่วนของกรุงเทพมหานครก็มีปัญหาช้างเร่ร่อนอยู่ และเพื่อเป็นการสนองพระราชดำริ กรุงเทพมหานคร ได้เพิ่มมาตรการอย่างเข้มงวดในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ในโครงการช้างยิ้มปัจจุบันประชาชนให้ความร่วมมือแจ้งเบาะแสช้างเร่ร่อนเป็นอย่างดี ทำให้ช้างเร่ร่อนในกรุงเทพฯ มีจำนวนลดลง
ด้านนายมานิต เตชอภิโชค รองปลัดกรุงเทพมหานคร รับผิดชอบดูแลสำนักเทศกิจ ที่เป็นหน่วยงานหลักดูแลปัญหาช้างเร่ร่อนในพื้นที่กรุงเทพฯ กล่าวว่า ในพื้นที่กรุงเทพฯ ช่วง 3-4 ปี ที่ผ่านมา พบช้างเร่ร่อนจำนวนมาก ซึ่งได้มีมาตรการแก้ปัญหาผลักดันช้างออกจากพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งนับเป็นหน่วยงานแรกของประเทศที่ได้มีข้อบัญญัติออกมาควบคุมและแก้ไขช้างเร่ร่อนอย่างจริงจัง โดยทำงานร่วมกับหลายฝ่ายจริงจังทำให้ควาญช้างไม่กล้านำช้างมาเร่ร่อนขออาหารในกรุงเทพฯ เพราะข้อบัญญัติดังกล่าวมีโทษค่อนข้างรุนแรง ทำให้ปัจจุบันแทบจะไม่เห็นช้างมาเร่ร่อนอีกเลย จะเห็นอยู่บ้างตามรอยต่อใกล้กรุงเทพฯ ซึ่งเราก็ไม่อยากให้เป็นเช่นนี้
อย่างไรก็ตาม การแก้ปัญหาช้างเร่ร่อนอย่างยั่งยืนนั้นไม่ใช่เพียงการผลักดันออกจากพื้นที่ หรือสอดส่องไม่ให้ช้างเข้ามาในพื้นที่เท่านั้น แต่ต้องแก้ที่ต้นเหตุซึ่งปัจจัยสำคัญคือควาญช้างไม่มีรายได้ และยังต้องดูแลช้างจึงไม่มีทางเลือกต้องนำช้างมาเร่ร่อน จึงควรส่งเสริมอาชีพ และหาพ่อ-แม่อุปถัมภ์ให้กับช้าง
ทั้งนี้ เห็นว่ากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ควรต้องเป็นหัวเรือใหญ่ในการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน โดยการแก้กฎหมายเกี่ยวกับช้างให้เป็นสัตว์สงวนเหมือนสัตว์อื่น ไม่ใช่ยังคงให้ช้างเป็นเพียงสัตว์พาหนะเท่านั้น ซึ่งหากมีการแก้กฎหมายเสียใหม่ตนเชื่อว่าจะสามารถกำหนดทิศทางการทำงานได้ง่ายขึ้น เปิดโอกาสให้ทุกกลุ่มเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาอย่างแท้จริง ช้างควรอยู่ในความดูแลของ ผู้เชี่ยวชาญควบคู่ไปกับควาญช้าง ทำหมู่บ้านช้างเต็มรูปแบบ ก็จะทำให้ไม่เกิดปัญหาช้างเร่ร่อน หรือฆ่าช้างเพื่อประโยชน์ทางการค้า
สำหรับเรื่องการค้าขายสินค้าที่มาจากช้างเฉพาะ ในพื้นที่กรุงเทพฯ เห็นได้ทั่วไป เช่น วัตถุมงคลที่ทำมา จากงาช้าง ซึ่งป็นความเชื่อแต่โบราณหากผู้ใดที่ครอบครอง งาช้างก็จะเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตและครอบครัว หากจะปรับทัศนคติคงต้องใช้เวลาพอสมควร ในเรื่องนี้กรุงเทพมหานครไม่ได้มีอำนาจในการเข้าไปดูแล แต่ขอวิงวอนประชาชนไม่สนับสนุนสินค้าเหล่านี้ หรือเปลี่ยนเป็นบริจาคเข้ากองทุนที่น่าเชื่อถือเพื่อช่วยช้างในประเทศไทย จะเป็นการดีที่สุด
ด้านนายมานิต เตชอภิโชค รองปลัดกรุงเทพมหานคร รับผิดชอบดูแลสำนักเทศกิจ ที่เป็นหน่วยงานหลักดูแลปัญหาช้างเร่ร่อนในพื้นที่กรุงเทพฯ กล่าวว่า ในพื้นที่กรุงเทพฯ ช่วง 3-4 ปี ที่ผ่านมา พบช้างเร่ร่อนจำนวนมาก ซึ่งได้มีมาตรการแก้ปัญหาผลักดันช้างออกจากพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งนับเป็นหน่วยงานแรกของประเทศที่ได้มีข้อบัญญัติออกมาควบคุมและแก้ไขช้างเร่ร่อนอย่างจริงจัง โดยทำงานร่วมกับหลายฝ่ายจริงจังทำให้ควาญช้างไม่กล้านำช้างมาเร่ร่อนขออาหารในกรุงเทพฯ เพราะข้อบัญญัติดังกล่าวมีโทษค่อนข้างรุนแรง ทำให้ปัจจุบันแทบจะไม่เห็นช้างมาเร่ร่อนอีกเลย จะเห็นอยู่บ้างตามรอยต่อใกล้กรุงเทพฯ ซึ่งเราก็ไม่อยากให้เป็นเช่นนี้
อย่างไรก็ตาม การแก้ปัญหาช้างเร่ร่อนอย่างยั่งยืนนั้นไม่ใช่เพียงการผลักดันออกจากพื้นที่ หรือสอดส่องไม่ให้ช้างเข้ามาในพื้นที่เท่านั้น แต่ต้องแก้ที่ต้นเหตุซึ่งปัจจัยสำคัญคือควาญช้างไม่มีรายได้ และยังต้องดูแลช้างจึงไม่มีทางเลือกต้องนำช้างมาเร่ร่อน จึงควรส่งเสริมอาชีพ และหาพ่อ-แม่อุปถัมภ์ให้กับช้าง
ทั้งนี้ เห็นว่ากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ควรต้องเป็นหัวเรือใหญ่ในการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน โดยการแก้กฎหมายเกี่ยวกับช้างให้เป็นสัตว์สงวนเหมือนสัตว์อื่น ไม่ใช่ยังคงให้ช้างเป็นเพียงสัตว์พาหนะเท่านั้น ซึ่งหากมีการแก้กฎหมายเสียใหม่ตนเชื่อว่าจะสามารถกำหนดทิศทางการทำงานได้ง่ายขึ้น เปิดโอกาสให้ทุกกลุ่มเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาอย่างแท้จริง ช้างควรอยู่ในความดูแลของ ผู้เชี่ยวชาญควบคู่ไปกับควาญช้าง ทำหมู่บ้านช้างเต็มรูปแบบ ก็จะทำให้ไม่เกิดปัญหาช้างเร่ร่อน หรือฆ่าช้างเพื่อประโยชน์ทางการค้า
สำหรับเรื่องการค้าขายสินค้าที่มาจากช้างเฉพาะ ในพื้นที่กรุงเทพฯ เห็นได้ทั่วไป เช่น วัตถุมงคลที่ทำมา จากงาช้าง ซึ่งป็นความเชื่อแต่โบราณหากผู้ใดที่ครอบครอง งาช้างก็จะเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตและครอบครัว หากจะปรับทัศนคติคงต้องใช้เวลาพอสมควร ในเรื่องนี้กรุงเทพมหานครไม่ได้มีอำนาจในการเข้าไปดูแล แต่ขอวิงวอนประชาชนไม่สนับสนุนสินค้าเหล่านี้ หรือเปลี่ยนเป็นบริจาคเข้ากองทุนที่น่าเชื่อถือเพื่อช่วยช้างในประเทศไทย จะเป็นการดีที่สุด