ผ่าประเด็นร้อน
สันนิษฐานฐานกันไปต่างๆ นานาว่าสาเหตุที่ “เจ๊แดง” เยาวภาวงสวัสดิ์ น้องสาว ทักษิณ ชินวัตรต้องสะกิดให้ เกษม นิมมลรัตน์ ต้องลาออกจากเก้าอี้ ส.ส.เชียงใหม่เขต 3 เพื่อเปิดทางให้ตัวเองได้ลงสมัครและเป็น ส.ส.แทนทั้งที่เพิ่งเลือกตั้งซ่อมผ่านไปแค่ 9 เดือนเศษเท่านั้น อีกทั้งยังต้องเสียค่าใช้จ่ายอีกนับสิบล้านบาท แต่ก็ถือว่าคุ้มแสนคุ้ม เพราะวันข้างหน้าล้วนแล้วมีงานใหญ่มหายักษ์รออยู่
เท่าที่เห็นอยู่ตรงหน้าก็คือ เงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาท ที่อ้างว่าจะนำมาใช้สำหรับโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานของประเทศในอีก 7-10 ปีข้างหน้า มันเป็นเรื่องที่พอจะเห็นคำตอบรำไรรออยู่ล่วงหน้าแล้วใช่หรือไม่
แน่นอนว่าสำหรับเธอ และคนในครอบครัวของทักษิณ ย่อมไม่ใช่เรื่องยากหากจะลงสมัคร ส.ส.หรือการเมืองระดับใดก็ได้ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่รวมทั้งพื้นที่ใกล้เคียงแถบนั้น เพราะเชื่อว่าคงได้รับเลือกเข้ามาไม่ยาก เหมือนกับกรณีของ เกษม นิมมลรัตน์ เป็นตัวอย่าง ที่ผ่านมาเป็นแค่คนถือกระเป๋า ได้รับคำสั่งให้มารักษาพื้นที่แทนลูกสาว คือ ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ ที่ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติสั่งลงโทษฐานปกปิดบัญชีทรัพย์สินและแจ้งบัญชีอันเป็นเท็จ ถูกตัดสิทธิการเมือง 5 ปี ซึ่งคนในวงการรับรู้กันอยู่แล้ไม่ต้องมาปฏิเสธให้เหม็นน้ำลาย
การลาออกจาก ส.ส.คราวนี้ก็เช่นเดียวกันพยายามอ้างว่าตัวเองไม่ถนัดการเมืองระดับชาติจะลงไปเล่นการเมืองท้องถิ่นจะไปเป็นรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดแทน หรือไม่ยึดติดตำแหน่งอะไรประมาณนี้ ยิ่งพูดยิ่งกวนประสาทดูถูกชาวบ้าน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ทำไมไม่คิดให้รอบคอบ ให้ชาวบ้านเขาเสียเวลาไปเลือกตั้ง ได้เป็น ส.ส.ก็ไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน แต่พอได้เวลากลับสะบัดก้นทิ้งไปอย่างไม่ใยดี มันน่านัก
สำหรับ “เจ๊แดง” นาทีนี้ถือว่าได้เวลาเหมาะเจาะที่จะต้องลงสนามเป็นตัวจริงเปิดเผยเสียที หลังจากที่ผ่านมาเป็นผู้สั่งการชักใยอยู่หลังฉากมานาน หลังจากพ้นโทษแบนเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคมปีที่ผ่านมาเธอก็ต้องลงมากำกับเองเสียที
ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาถึงเรื่องสำคัญอย่างยิ่งยวดที่กำลังประดังเข้ามามันถึงต้องร้องอ๋อว่าทำไมคนอย่างเยาวภา ต้องลงมือเอง เพราะต้องไม่ลืมว่าพระราชบัญญัติเงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาทกำลังจะเข้าสภา และเชื่อว่าคงผ่านได้ไม่ยาก นั่นก็หมายความว่าการใช้งบประมาณอันมหาศาลจะต้องเริ่มดำเนินการอย่างรวดเร็ว และเมื่อเป็นการกู้เงินนอกงบประมาณ แน่นอนว่าการตรวจสอบก็ทำได้ยาก ไม่เหมือนกับการตั้งงบผ่านร่างพระราชบัญญัติประจำปีที่เปิดโอกาสให้มีการตรวจสอบอย่างเข้มข้น
ที่ผ่านมาสำหรับเธอถูกตั้งคำถามมากมายในเรื่องความไม่ชอบมาพากลในโครงการตามนโยบายสำคัญของรัฐบาล โดยเฉพาะโครงการจำนำข้าว นอกจากนี้ยังมีคำถามมีเสียงนินทาในเรื่อง “ร้อยชัก 40” เป็นเรื่องอื้อฉาวในวงการพูดถึงกันกระหึ่ม สร้างภาพลบเกิดขึ้นไม่น้อย
ขณะเดียวกันยังมีเรื่องการแต่งตั้งตำแหน่งสำคัญ ทั้งรัฐมนตรีและข้าราชการระดับสูงว่ากันว่าหากอยุ่ในก๊วนนี้แล้วรับรองไม่มีพลาด และต้องนั่งตำแหน่งสำคัญ เท่าทีีเห็นก็มี บุญทรง เตริยาภิรมย์ ที่นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์มาดูแลโครงการรับจำนำข้าวที่ขาดทุนป่นปี้ไงละ
ในวงการเมืองหากจะดูว่าใครในครอบครัว ทักษิณ ที่มีอิทธิพลทางการเมืองมากที่สุดสำหรับคนที่อยู่ในประเทศไทย ก็ต้องยกให้ครอบครัวนี้แหละ หากยังจำกันได้เมื่อครั้งวันเกิดของ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ สามีของเยาวภาที่่ผ่านมายิ่งใหญ่แค่ไหนทั้งบรรดารัฐมนตรี นักการเมืองข้าราชการมากมายล้วนตบเท้าเข้าไปอวยพร บรรยากาศและบารมีไม่ต่างจากคนที่เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งคงไม่มีอะไรน่าแปลกใจ เพราะบารมีของครอบครัวนี้ใหญ่คับรัฐบาล
บารมีถือว่าคนละเรื่องกับ นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรที่แทบจะไม่มีใครแวะเวียนเข้าไป แม้แต่ในพรรคเพื่อไทยหากอยากได่้เก้าอี้รัฐมนตรีหรือข้าราชการในตำแหน่งสำคัญก็ต้องไปบ้าน เยาวภา-สมชาย หรือไม่ก็ต้องไปที่ดูใบ พบกับทักษิณ ชินวัตร และที่ผ่านมา ทักษิณ ก็ได้สไกป์ เข้ามาในที่ประชุมพรรคเพื่อไทยเมื่อวันก่อนยอมรับเองว่าตัวเองเคยผลักดันคนนั้นคนนี้รับตำแหน่งสำคัญมากมาย เป็นการสะท้อนให้เห็นว่ามีใครบ้างที่มีอำนาจและบารมีของจริง
นอกเหนือจากนี้ยังมีเรื่องสำคัญที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มอย่างเรื่องร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมที่กำลังมีความพยายามเข็นเข้าสภาอีกรอบหนึ่งแม้ว่าจะเป็นเรื่องยาก แต่ถึงอย่างไรก็ต้องเสี่ยงหากมีโอกาสเปิด และอย่างที่บอกตั้งแต่ต้นว่าเรื่องแบบนี้แหละที่คนอย่าง ทักษิณ ต้องการ และถ้าเกิดฟลุ๊กเกิดสำเร็จขึ้นมา ยังมีผลไปถึงคนในครอบครัวคนอื่นๆ นั่นคือ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ รวมอยู่ด้วย ซึ่งคนๆนี้แหละถือว่าเป็นนอมินีสำคัญที่ไว้ใจได้สำหรับทักษิณ
ดังนั้น ถ้าพิจารณาจากความเคลื่อนไหวและสถานการณ์ทางการเมืองที่กำลังงวดเข้ามาหลายเรื่อง ล้วนแต่เป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องใช้คนที่ไว้ใจได้ หรือคนในครอบครัวเท่านั้นเข้ามาคุมเกมเอง เพราะที่ผ่านมาแม้แต่ทักษิณ ยังต้องตัดพ้อว่ามีพวกหวังดีประสงค์ร้าย ไม่อยากให้เขากลับบ้าน เพราะเกรงว่าไม่ได้รับความสำคัญ ขณะเดียวกัน เมื่อโอกาสเปิดพ้นจากโทษแบน และมีเรื่องใหญ่รออยู่ข้างหน้าทั้งในเรื่องเงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาท ร่างพระราชบัญญัตินิรโทษฯ รวมทั้งอีกสารพัด มันจึงเป็นคำตอบว่าทำไม “เจ๊แดง” ต้องลงมา เพราะสถานการณ์แบบนี้จะปล่อยให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรรับมือไม่ไหวแน่ ส่วนจะเป็นนายกฯ สำรองหรือไม่ ยังไม่ชัด แต่การเข้ามาในลักษณะ “ผู้จัดการ” เฉพาะหน้า นั่นแหละใช่เลย!!