รอง หน.ปชป.ชี้ รมช.มท.แจ้ง ป.เอาผิดตนพร้อมสื่อ เหตุแถลงแฉส่อโกงงบขุดลอกร่องน้ำเพื่อตัดขา ลั่นสายไป อ้างถึง ป.ป.ช.แล้ว ไล่ให้ปากคำดีกว่า ยันข้อมูลจริง แนะสื่ออย่าตกใจ ถูกขู่ขอให้บอก เตือน ตร.รู้ถูกบีบ แต่ระวังถูกฟ้องกลับ
วันนี้ (19 ก.พ.) นายถาวร เสนเนียม รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รมช.มหาดไทย แจ้งความกองปราบปรามดำเนินคดีต่อตนและสื่อมวลชนในข้อหาหมิ่นประมาท จากกรณีที่แถลงข่าวถึงพฤติกรรมส่อไปในทางทุจริตในการใช้วิธีพิเศษในโครงการขุดลอกร่องน้ำเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งและป้องกันน้ำท่วม 1 โครงการ 26 รายการ งบประมาณ 1,215 ล้านบาทว่า เป็นความพยายามที่จะเบรกเกม แต่ช้าเกินไป เนื่องจากตนได้ยื่นเรื่องดังกล่าวให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ไต่สวนแล้ว และได้เข้าให้ปากคำไปแล้วด้วย ซึ่งในวันนี้ ป.ป.ช.ก็เรียกนายธนิตพล ชัยนันทน์ ไปให้การเพิ่มเติมด้วย
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 30 พ.ย. 55 ตนได้ทำหนังสือถึง รมว.คมนาคมให้บอกเลิกสัญญาเพื่อตรวจสอบการกระทำความผิดของ พล.ต.ท.ชัจจ์ ในขณะดำรงตำแหน่ง รมช.มหาดไทย และเจ้าหน้าที่รัฐที่ส่อทุจริตทำผิดกฎหมาย โดยก่อนยื่นหนังสือดังกล่าวตนได้แถลงข่าวที่พรรคประชาธิปัตย์ แต่ พล.ต.ท.ชัจจ์ได้ไปแจ้งความดำเนินคดีต่อตนและสื่อมวลชนว่ากระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาที่ตำรวจกองปราบปราม โดยตำรวจกองปราบฯ ได้เข้าไปสอบสวนบรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณาที่หนังสือพิมพ์หลายฉบับ และน่าจะคืบคลานไปถึงทีวีและสื่ออื่นๆ โดยตนเชื่อว่าตำรวจกองปราบฯ คงถูกร้องขอเพราะรู้ดีว่าข้อมูลที่เผยแพร่ต่อสื่อมวลชนไม่ได้เป็นเท็จ เพราะในการแถลงข่าวได้ชี้ให้เห็นว่างบประมาณ 1,215 ล้านบาท เป็นงบกลางที่ตรวจสอบยาก ซึ่งตนได้นำเอกสารราชการมาแถลงเพื่อแสดงให้เห็นว่ามีการขออนุมัติจัดจ้างด้วยวิธีพิเศษ เชิญชวน 14 บริษัทเสนอราคาโดยทั้งหมดก็ได้งานและเป็นผู้ได้งานผลัดกันเสนอประกบตามที่ตนแถลง อีกทั้งกรณีที่ตนแถลงว่า พล.ต.ท.ชัจจ์ลงนามในสัญญา 16 สัญญาก็ล้วนแต่เป็นเรื่องจริง จึงไม่ใช่การใส่ความ
นายถาวรกล่าวต่อว่า ดังนั้นขอให้สื่อมวลชนที่ถูกสอบอย่าเพิ่งตกใจ แต่ถ้าถูกข่มขู่คุกคามในการทำหน้าที่เป็นสื่อฯ ขอให้แจ้ง โดยขณะนี้มีการต่อรองให้ทุกสื่อฯ ยืนยันว่าเป็นคำให้สัมภาษณ์ของตนแล้วจะกันไว้เป็นพยาน จึงขอให้ยืนยันไปว่าเป็นคำสัมภาษณ์ของตนที่ระบุว่าส่อทุจริตและผิดกฎหมาย เพราะตนเป็นมวยหลัก จึงขอเตือน พล.ต.ท.ชัจจ์ว่า หากยังจ้างทนายความที่ต้องการเอาใจเพราะจะทำให้ผิดพลาด โดยขอให้ดูคดีที่ พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ฟ้อง พล.ต.ท.ชัจจ์กับภรรยา จนมีการไต่สวนเกี่ยวกับเงินที่ภรรยาเอาไปปล่อยกู้ว่าเป็นเงินใคร ปรากฏว่าภรรยากล่าวว่าเป็นเงินของตนเองและ พล.ต.ท.ชัจจ์ จนนำไปสู่การที่ พล.ต.ท.สมยศไปแจ้ง ป.ป.ช.ว่ามีการแจ้งบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จ จึงขอให้พิจารณว่าการเบรกเกมด้วยการแจ้งข้อกล่าวหากับตำรวจอาจทำให้ตำรวจเดือดร้อนเพราะอาจถูกแจ้งข้อหากลับ สิ่งที่ พล.ต.ท.ชัจจ์ควรทำ คือ ไปให้ปากคำต่อ ป.ป.ช. เบรกตนไม่สำเร็จ ขอให้ต่างคนต่างทำหน้าที่ การใช้กองปราบปรามที่เอาไว้ทำคดีสำคัญมาทำคดีนี้เสมือนเป็นการใช้กองปราบปรามมาคุกคามฝ่ายตรงกันข้าม เพราะคดีนี้ถือเป็นคดีแรกที่กองปราบปรามรับดำเนินคดีหมิ่นประมาท