“เด็จพี่” ชี้เหตุ ปธ.ศาล รธน.รับรีบตัดสินคดี “สมัคร” จัดรายการทีวี สังคมรับรู้ตัดสินตามกระแสสังคม คาดต้องมีการถ่วงดุลอำนาจ เพราะไร้การตรวจสอบ ยกโพล-คนพื้นที่หนุนถกโจรใต้ มีแค่ ปชป.เห็นต่าง เย้ยใต้สงบอย่าตีกิน เชื่อ สตช.ให้ 30 บ.พีซีซีสร้างโรงพักก็ไม่เสร็จ เหตุงานไร้คืบหน้า เล็งชงดีเอสไอ-สตช.ถกควรขยายเวลาอีกหรือไม่
วันนี้ (17 มี.ค.) นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ออกมาระบุว่าคำวินิจฉัยของตุลาการสาลรัฐธรรมนูญในคดี “ชิมไป บ่นไป” ของนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นคำวินิจฉัยที่เร่งรีบและใช้ไม่ได้ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่นายวสันต์ออกมายอมรับ เพราะสังคมจะได้เห็นความจริงอีกด้านว่าศาลฯ ตัดสินคดีตามกระแสสังคมมากกว่าตัวบทกฎหมาย
อีกทั้งนายพร้อมพงศ์เห็นว่าในอนาคตจะต้องมีกระบวนการตรวจสอบการใช้อำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ และต้องมีการถ่วงดุลอำนาจ เพราะที่ผ่านมาคำวินิจฉัยของศาลจะมีผลผูกพันกับองค์กรอื่นๆ และขาดการตรวจสอบ
โฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวอีกถึงกรณีที่รัฐบาลเตรียมเจรจากับกลุ่ม BRN ในวันที่ 28 มีนาคมนี้ สำนักโพลต่างๆ ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนว่าเห็นด้วยกับการดำเนินการของรัฐบาล ซึ่งพรรคเพื่อไทยก็เห็นด้วยเช่นกัน ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นก้าวสำคัญที่จะนำความสันติสุขกลับคืนสู่พื้นที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยทุกฝ่ายในพื้นที่ก็เห็นด้วยกับการเจารจาที่จะเกิดขึ้น แต่เหตุใดนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายถาวร เสนเนียม กลับปฏิเสธที่จะร่วมมือกับรัฐบาลในการสร้างสันติภาพ ทั้งนี้เห็นว่าหากการเจรจาสำเร็จและทำให้ภาคใต้เกิดความสงบได้
“ขอให้พรรคประชาธิปัตย์อย่าตีกินลักษณะไม่หว่านกล้าแล้วจะมาเกี่ยวข้าว โดยไม่อยากให้พรรคประชาธิปัตย์เอาเรื่องนี้มาเป็นเกมการเมือง แต่ควรมองประโยชน์ของประชาชน และหันเข้าสู่โต๊ะเจรจา และในฐานะที่พรรคประชาธิปัตย์มี ส.ส.ในภาคใต้จำนวนมาก ควรให้ความร่วมมือกับ รัฐบาลด้วย” นายพร้อมพงศ์กล่าว
นอกจากนี้ นายพร้อมพงศ์ยังกล่าวถึงกรณีที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้ขยายสัญญาเพิ่มอีก 30 วัน ให้กับบริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด ว่าส่วนตัวเคารพการตัดสินใจของ สตช. แต่เห็นว่าในฐานะที่ตนเป็นผู้ร้องต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เห็นว่า จะขยายเวลาให้แล้วก็ตาม ทางบริษัท พีซีซี ไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างสถานีตำรวจทั้ง 396 แห่งให้แล้วเสร็จทันเวลาได้ เนื่องจากการลงพื้นที่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาในพื้นที่กองบังคับการตำรวจภูธรภาค 8, 9 ยังไม่มีความคืบหน้าในการก่อสร้าง ซึ่งในสัปดาห์หน้าจะลงพื้นที่ภาค 7 เพื่อเก็บข้อมูลต่อไป
ทั้งนี้จะเตรียมนำข้อมูลที่มีให้กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำไปพิจารณาว่าหลังครบสัญญาแล้วควรจะต้องขยายเวลาเพิ่มให้กับบริษัท พีซีซี อีกหรือไม่