xs
xsm
sm
md
lg

“ประยุทธ์” เตือนรัฐบาลถกโจรใต้ต้องเป็นต่อ รับห่วงไทยสู้คดี “พระวิหาร”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (แฟ้มภาพ)
“ประยุทธ์” เชื่อการพูดคุยกับกลุ่มบีอาร์เอ็นไม่เป็นการยกระดับให้โจรใต้ แค่ได้พูดคุยหาทางยุติความรุนแรง หากไม่สามารถทำได้จริงก็เลิกคุย เตือนรัฐบาลต้องถือแต้มต่อ อย่าให้โจรใต้ขี่คอ ขณะเดียวกันยอมรับห่วงไทยคดีเขาพระวิหาร



ที่กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2 รอ.) เช้าวันนี้ (14 มี.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ถึงการที่ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) จะเดินทางไปหารือกับแกนนำกลุ่มบีอาร์เอ็นในวันที่ 28 มีนาคมนี้ว่า การแก้ไขปัญหาภาคใต้อย่าใช้คำว่าทหารเป็นคนแก้ เพราะทหารเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาเท่านั้น โดยกองทัพบกเป็นผู้เตรียมกำลังให้กับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ส่วนตนเข้าไปแก้ไขปัญหาในฐานะรอง ผอ.รมน.

ผบ.ทบ.อธิบายว่า วันนี้การแก้ไขปัญหามี 3 ส่วน คือ 1. รัฐบาลที่ต้องแก้ไขปัญหาในภาพรวมทั้งหมด 2. กอ.รมน. และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต) และ 3. กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า และหน่วยงานราชการในพื้นที่ โดยทั้งหมดจะมีหลักในการขับเคลื่อนนโยบาย คือ การพูดคุยกันเพื่อนำไปสู่สันติภาพและลดความรุนแรง โดยมี สมช.เป็นผู้รับผิดชอบในนามของรัฐบาล ซึ่งการหารือไม่จำเป็นต้องคุยทุกวัน เพราะต้องนำไปปฏิบัติก่อนแล้วจึงกลับมาคุยกันอีกครั้ง ทุกอย่างมีขั้นตอนอยู่แล้ว อย่าเพิ่งให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก

“การพูดคุยต้องมีการได้เปรียบเสียเปรียบ แต่จะทำอย่างไรไม่ให้เราเสียเปรียบ และจะทำอย่างไรให้ประเทศชาติเกิดความมั่นคง และเกิดความปลอดภัยแก่ประชาชน บางอย่างต้องเป็นความลับ ถ้าพูดแล้วบอกกันทุกอย่างก็ไม่ต้องประชุมหารือ แต่โต้ตอบผ่านสื่อแทน ถ้าพูดหมดก็ไม่ใช่เรื่อง ขอให้รอดู เพราะทุกอย่างไม่ได้เร็วขนาดนั้น การปฏิบัติต้องหารือร่วมกัน โดยมีรัฐบาลเป็นผู้ตัดสินใจ ส่วนกรณีใดที่สำคัญก็ต้องผ่านการพิจารณาของสภาแล้วค่อยดูว่าดีหรือไม่ดี อย่าเพิ่งตัดสิน อย่างน้อยดีกว่าการไม่พูดกัน วันนี้เท่าที่ทราบมีหลายกลุ่มต้องการเข้ามาพูดคุย และแสดงให้เห็นว่ามีศักยภาพอย่างไร เราต้องดูว่าจะเกิดประโยชน์ อะไรกับเราบ้าง อย่าเพิ่งกังวล รู้ว่าทุกคนเป็นห่วงแต่ขอให้ใจเย็น เพื่อให้คนทำได้มีเวลาคิดก่อนว่าต้องทำอย่างไร ทั้งนี้เราอย่าไปเสนอให้เขาก่อนว่าจะลดการบังคับใช้กฎหมายจุดนั้นจุดนี้ แต่ให้ฝ่ายเขาเสนอว่าต้องการลดพื้นที่ไหน หากเขาแสดงศักยภาพว่าทำให้พื้นที่สงบได้ เราจะลดให้เพราะเรามีความจริงใจ และการใช้กฎหมายพิเศษจะใช้เฉพาะพื้นที่ที่มีความรุนแรง ถ้าเขาจะให้เราเลิกใช้กฎหมายก็ต้องหยุดความรุนแรงก่อน หากเขาต้องการอะไรให้มาบอก ซึ่งทั้งหมดเป็นการพูดคุยนอกประเทศโดยมีประเทศมาเลเซียเป็นคนกลาง”

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การดำเนินการอยู่ในยุทธศาสตร์ที่มีทั้งการรบ พัฒนาและพูดคุย เราต้องไปทุกมิติ การปฏิบัติงานในปัจจุบันแม้เราสามารถเข้าไปได้ทุกพื้นที่แต่ยังไม่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะเขาไม่เปิดเผยตัวเองในการตั้งกองกำลังต่อสู้ และไม่มีใครแสดงความรับผิดชอบ ปัจจุบันเรามีช่องทางพูดคุยกับกลุ่มก่อความไม่สงบเพื่อยุติ ไม่ให้เหตุการณ์ลุกลามบานปลายมากกว่านี้ และหยุดยั้งการสูญเสีย เราเป็นฝ่ายรัฐยังไม่ได้เสียเปรียบอะไร อย่าให้การพูดคุยหลุดไปจากกรอบกฎหมายและรัฐธรรมนูญไทย

ผบ.ทบ.ยืนยันว่า ในส่วนของตนไม่มีความขัดแย้งใดๆ กับรัฐบาล หากยังเป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งนี้การพูดคุยยังไม่มีข้อผูกมัดไหน หากข้อไหนรับไม่ได้เราก็ไม่รับ ในวันนี้ทางทหาร พลเรือน ตำรวจ ที่อยู่ใน กอ.รมน.ที่รับผิดชอบงานด้านความมั่นคงจะเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมายและอาจมากกว่าเดิมเพื่อให้เกิดความปลอดภัย ยืนยันว่าแม้จะมีการพูดคุยแต่การก่อเหตุในพื้นที่ยังไม่จบ

“ประเทศเพื่อนบ้านที่เกิดปัญหายังใช้เวลาแก้ปัญหา 50 ปี มีการตั้งกองกำลังและยึดพื้นที่ที่ชัดเจน โดยมี 2 กลุ่มที่มีเป้าหมายในการแบ่งแยกดินแดน ต่างจากเราที่ไม่มีการยึดพื้นที่ และกองกำลังที่ชัดเจน แต่มีเป้าหมายเช่นเดียวกัน ซึ่งการเจรจาไม่ใช่พูดคุยสองฝ่ายแล้วมีกรรมการตัดสินแล้วเลิกกันไป เหมือนกรรมการตัดสินฟุตบอลเพราะมีความขัดแย้งหลายกลุ่ม ปัญหาเราซับซ้อนไม่เหมือนชาติอื่นและการแก้ปัญหาของเราไม่เหมือนกับชาติอื่น ทั้งนี้สิ่งใดที่ยังเป็นปัญหาในพื้นที่ไม่ว่าจะเรื่องกรือเซะ ตากใบ เราได้รื้อขึ้นมาดู สิ่งใดที่บกพร่องก็แก้ปัญหาและเยียวยา เพื่อลดความเจ็บปวดของเผู้สูญเสีย สิ่งที่น่ายินดีคือต่างชาติยอมรับการแก้ไขปัญหาของเรา และมองว่าผู้ที่สร้างความรุนแรงคือฝ่ายตรงข้าม เพราะเขาจะไม่ได้รับการสนับสนุนจากต่างประเทศ หรือถ้าได้รับก็น้อยมาก”

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การพูดคุยครั้งนี้ไม่น่าจะเป็นการยกระดับให้กลุ่มก่อความไม่สงบ แต่จำเป็นต้องคุยกัน แต่เราอย่าไปยกระดับหรือให้ความสำคัญกับเขา ถ้าเราเป็นรัฐต้องถือความเป็นต่อไว้ แต่ถ้าวันไหนเราไปยอมเขานั่นถือว่าเป็นการยกระดับเขาขึ้นมาเหนือกว่าเรา ซึ่งต้องระวังอย่าให้เครดิตเขามากนัก หากสุดท้ายแล้วเขาไม่สามารถแก้ปัญหาได้เราก็หยุดพูดคุย ส่วนกรอบเวลาที่จะให้เขาพิสูจน์ตัวเองต้องให้ทาง สมช.ไปพูดคุย คิดว่าประมาณ 1 ปี เพื่อให้เห็นความก้าวหน้าไม่ใช่ว่าเลิก เพราะถือว่าเร็วเกินไปและเลิกยาก แค่พูดคุยวันที่ 28 มี.ค.นี้แล้วเลิกคงไม่ใช่

ส่วนที่จะมีแกนนำอีก 9 กลุ่มเข้ามาพูดคุยด้วยนั้น ตนไม่สนใจว่าจะกี่กลุ่ม แต่ตนรู้ข้อมูลว่ามีกลุ่มไหนบ้าง อย่าไปให้เครดิตมากเพราะบางกลุ่มไม่มีศักยภาพ เพราะขณะนี้เรากำลังพูดคุยกับกลุ่มบีอาร์เอ็น ซึ่งเขายืนยันว่ามีศักยภาพควบคุมสถานการณ์ทุกอย่างได้ เพราะฉะนั้นบีอาร์เอ็นต้องควบคุม 9 กลุ่มนี้ให้ได้ และต้องคุยกันให้รู้เรื่องว่าเขาจะเอาอย่างไร แต่ถ้าต้องไปคุยทีละกลุ่ม คิดว่า นานเกินไปไม่ได้ประโยชน์ และแต่ละกลุ่มจะเพิ่มศักยภาพขึ้นมาเรื่อยๆ จะกลายเป็นการยกระดับให้เขา ดังนั้นไปรวมกันมาให้ได้ และเราจะคุยกับคนคนเดียว

พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงกรณีที่กระทรวงการต่างประเทศนัดผู้เกี่ยวข้องหารือเกี่ยวกับคดีประสาทพระวิหารว่า เรามีคณะทำงานดูแลเรื่องนี้อยู่หลายกลุ่ม เช่น กองทัพไทยที่มีคณะทำงานร่วมไทย-กัมพูชา (JWG) ในส่วนคณะทำงานของกระทวงการต่างประเทศ ก็จะมีผู้แทนจากกองทัพภาคที่ 2 และกองทัพบกเข้าร่วม โดยมีความคืบหน้าตามลำดับ และรับรู้รับทราบโดยตลอด ทั้งนี้ทราบว่าทุกคนมีความเป็นห่วงประเทศไทยแต่ตอนนี้ขอให้ใจเย็นก่อน ตนก็ห่วงประเทศไทยมาก


กำลังโหลดความคิดเห็น