รายงานการเมือง
ฝุ่นควันจากศึกเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ยังไม่ทันจาง ก็ดูเหมือนพลพรรคเพื่อไทยจะปรับโหมดมาเดินงานปรองดอง ด้วยการผลักดันการออกกฎหมายนิรโทษกรรมกันอย่างเอาจริงเอาจังกันอีกหน ทำเอาอุณหภูมิการเมืองไทยดูท่าจะทวีความร้อนแรงก่อนเข้าเดือน เม.ย.ด้วยซ้ำ
โดยเฉพาะ ส.ส.เสื้อแดงอย่าง “วรชัย เหมะ” ที่ล่าลายเซ็นต์เพื่อนๆ ส.ส.เพื่อไทย อีก 41 คน เดินหน้า ยื่นร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับล่าสุดให้แก่ “สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์”ประธานสภาผู้แทนราษฎร หวังให้นำเข้าบรรจุในระเบียบวาระภายในสัปดาห์นี้ทันที
งานนี้ ส.ส.จากสมุทรปราการออกตัวแรง แบบที่ไม่รู้ว่าได้ไฟเขียวจาก “ผู้ใหญ่” ในพรรคมาหรือไม่ เพราะทั้งฝ่ายรัฐบาล หรือกระทั่งวิปรัฐบาลก็ออกตัวว่าไม่รู้ไม่เห็นเรื่องร่างกฎหมายของฉบับนายวรชัยมาก่อน แถมไม่ดูตาม้าตาเรือว่ามีร่างกฎหมายคล้ายๆกันในชื่อร่าง พ.ร.บ.ปรองดองค้างอยู่ในวาระการประชุมถึง 4 ฉบับที่ติดหล่มเดินหน้าต่อไม่ได้
ส่วนที่ทาง “เจริญ จรรย์โกมล” รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ก็เปิดเวทีนอกรอบชักชวน “ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย” ทุกฝ่ายเข้าหารือเพื่อเสนอแนวทางสร้างความปรองดอง และการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม โดยเมื่อช่วงต้นเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ได้มีการหารือกลุ่มย่อยไปแล้ว นอกเหนือจาก “รองฯเจริญ” ในฐานะเจ้าภาพ ก็ยังมี “ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์” แกนนำรุ่น 2 และโฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และ “ก่อแก้ว พิกุลทอง - วรชัย เหมะ”ส.ส.เพื่อไทย ในฐานะผู้แทนจากแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) รวมไปถึงนักกฎหมาย “วีรพัฒน์ ปริยวงศ์” ที่มาให้มุมมองทางกฎหมาย
จนมาถึงการนัดหารือวงใหญ่เมื่อวานนี้ โดยรอบนี้ “รองฯเจริญ” ร่อนหนังสือเชิญตัวแทนจากพรรคการเมือง - กลุ่มการเมืองหลายกลุ่มเข้าร่วมการหารือการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ ที่รัฐสภา เป็นนัดแรก แต่ปรากฎว่าน่าเสียดายที่ไม่ได้รับการตอบรับเท่าที่ควร มีเพียงตัวแทนกลุ่ม นปช. ตัวแทนจากพรรคเพื่อไทย ตัวแทนจากกระทรวงกลาโหม ตัวแทนสมาคมผู้ประกอบการค้ารัฐวิสาหกิจย่านราชประสงค์ รวมถึง “เรืองศักดิ์ งามสมภาค”ส.ส.พรรคภูมิใจไทย กลุ่มมัชฌิมา ที่มาในนามส่วนตัวเท่านั้น
ส่วนที่เหลือทั้ง พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย องค์การพิทักษ์สยาม กลุ่มเสื้อหลากสี และ “นิชา หิรัญบูรณะ ธุวธรรม” ภรรยา พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม ไม่ได้เข้าร่วมการหารือ
โดยเฉพาะกลุ่มพันธมิตรฯที่ประกาศก่อนหน้านี้ว่าจะไม่ร่วมวงพูดคุยครั้งนี้ เนื่องจากได้ยื่นข้อเสนอต่างๆเป็นลายลักษณ์อักษรไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยย้ำจุดยืนที่ว่า ไม่เห็นด้วยต่อการนิรโทษกรรมให้แก่ผู้กระทำความผิดทางอาญา และคดีทุจริตในทุกคดี
พร้อมทั้งประกาศคัดค้านและชุมนุมนอกสภาอย่างถึงที่สุด หากมีการใช้ “เสียงข้างมาก” ในสภาออกกฎหมายล้างผิดอย่างไม่ชอบ
เมื่อเป็นแบบนี้ ก็เท่ากับ “องค์ประชุม” ไม่ครบ ทำให้การประชุมก็แทบไม่มีความคืบหน้าใดออกมา มีเพียงข้อสรุปสั้นร่วมกัน 4 ข้อ มีสาระสำคัญที่ว่า “สนับสนุนความปรองดอง -ให้อภัยกัน - บรรเทาความขัดแย้ง - ยึดประชาชนเป็นหลัก”
ดูแนวโน้มงานนี้ “รองฯเจริญ” ที่ดูจะมีเครดิต และได้รับการยอมรับจากทุกฝ่ายพอสมควร ก็ทำท่าจะ “แท้ง” ตั้งแต่ก่อน “คลอด” เพราะต้องยอมรับว่าที่ฝ่ายต่างๆเริ่มส่ายหัวไม่อยากเอาด้วย ก็มาจากการที่ “วรชัยและพวก” ชิงเดินเกมเร็วชิงยื่นร่างกฎหมายนิรโทษฯไปก่อนการหารือจะเกิดขึ้น ทั้งยังขู่ฝ่อว่าจะใช้เสียงข้างมากลัดคิวเลือกวาระมาพิจารณาก่อน
คำถามถึงความจริงใจจึงตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นอกจากนี้ยังมองกันว่าความเคลื่อนไหวของ “รองฯเจริญ” ที่ดูเหมือนทำด้วยความปรารถนาดีนั้น ได้รับการสนับสนุนจากพรรคเพื่อไทย รวมไปถึงจะถูกใจ “นายใหญ่ - ทักษิณ ชินวัตร” มากน้อยขนาดไหน
เพราะความเคลื่อนไหว “หน้าฉาก” อาจจะดูดี แต่ “หลังฉาก” เชื่อว่ายังเขม็งเกลียวกันอยู่
และรู้กันดีแนวทางของ “รองฯเจริญ” ที่ต้องการให้มีการพูดคุยและได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย กว่าจะตกผลึกลงตัวก็คงกินเวลาไปเนิ่นนานเกินกว่า “นายใหญ่” จะทนรอไหว เพราะสไตล์ของคนชื่อ “ทักษิณ” ไม่นิยมอะไรๆที่ยืดเยื้อเนิ่นนาน
นอกจากนั้นหากดูตาม “เงื่อนไข” ของพันธมิตรฯที่ว่าไม่เห็นด้วยต่อการนิรโทษกรรมคดีทุจริตทุกคดี ก็เท่ากับ “ทักษิณ” จะไม่ได้ร่วมขบวนไปด้วย เพราะมีโทษจำคุก 2 ปีจากคดีทุจริตที่ดินรัชดาค้ำคออยู่ หรือจะเป็นการเร่งเกมยื่นร่างกฎหมายล้างผิดแบบคนเสื้อแดง ก็ดูท่าจะไม่เวิร์ค จากความปั่นป่วนถูลู่ถูกังเลื่อนวาระการพิจารณา 4 ร่างกฎหมายปรองดองเมื่อปีก่อนก็ยังคงตามมาหลอกหลอน
เท่ากับว่าหากคิดจะเดินหน้า ก็หนีไม่พ้นต้องเจอเกมกดดัน 2 ทาง ทั้งในสภาโดยพรรคประชาธิปัตย์ที่ตั้งแง่ไม่เอาด้วยอยู่แล้ว ขณะที่นอกสภาพลังมวลชนในนามพันธมิตรฯก็ยืนตระหง่านขวางอยู่
ถามใจ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ในเรื่องนี้ ก็คงตอบแทนแบบไม่ต้องรอคำตอบได้เลยว่า คงอยากจะรักษาสภาพคงความเป็น “รัฐบาล” เอาไว้ให้นานที่สุด มากกว่าเร่งจังหวะจุดชนวนความขัดแย้งขึ้นมาใหม่ ยิ่งตอนนี้กำลังจะได้ชิ้นปลามันอย่างร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน2.2 ล้านล้านบาทมาถลุงกันอย่างสนุกสนาน ยึดคติ “เพลย์เซฟ” ไว้ก่อนดีกว่า
หากคิดจะแตะของร้อนมีหวังหกล้ม-อดกิน กันทั้งกระดาน
หรือครั้น “พี่ชาย” จะสั่ง “น้องสาว” ให้ซ้ายหันขวาหันก็ไม่ง่ายเหมือนก่อน ขนาดร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่ “คนเสื้อแดง” แทงเรื่องตรงไปยังรัฐบาลยังถูกยื้อเวลาออกไปจนได้ โดยส่งไม้ต่อไปยัง “คณะกรรมการกฤษฎีกา” ให้ไปศึกษาแนวทางต่างๆ แต่กว่าร่างจะถึงมือกฤษฎีกาก็ใช้เวลาเกือบเดือน จนป่านนี้ก็ไร้วี่แววจะชงเข้าที่ประชุม ครม.เพื่อผลักดันต่อ
เรื่องแบบนี้ “ทักษิณ” คงมองออก สังเกตได้จากอาการลิ่วล้อใกล้ชิดอย่าง “นพดล ปัทมะ” ก็หายหน้าไป ไม่ได้ออกมาแก้ต่างแก้ตัวเรื่องนี้อย่างที่เคย คงรู้ดีว่าเกมนี้เล่นแรงเล่นเร็วแค่ไหน
หากไม่สำเร็จแล้วผลสะท้อนย้อนกลับก็ยิ่งจะแรงหนักเพิ่มไปอีกทวีคูณ
ฟันธงเลยว่า เกมนิรโทษฯที่ปลายทางยังขมุกขมัวไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบแบบนี้ “ทักษิณ” คงยังไม่อยากเล่นด้วย และเลือกที่จะกปั่นกระแสสร้างผลงานให้ตัวเองจากงานแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่ออัพเครดิตตัวเองให้คนไทยหันมามองเรื่องความจริงใจหวังดีต่อประเทศชาติบ้างดีกว่า
ส่วนตอนนี้ก็ปล่อยให้ “ลิ่วล้อ” ตีรวนป่วนสร้างกระแสกันพอเป็นพิธี แต่หากจับผลัดจับผลูอาศัยลูกมั่วบวกกับเสียงข้างมากในสภาทำคลอดกฎหมายล้างผิด ปลดเปลื้องอาญาแผ่นดินที่ติดตัวได้ ก็เชื่อว่า "ทักษิณ" จะโดดงับแบบไม่ต้องคิด
เท่ากับว่า การขับเคลื่อนเกมนิรโทษฯของคนในพรรคเพื่อไทย ยังไม่มีอาณัติสัญญาณอย่างเป็นทางการออกมาจากทางไกล ที่ "นายใหญ่" ยังรอจังหวะประเมินทิศทางลม ก่อนสั่งจะปิดบัญชีในไม่ช้านี้