xs
xsm
sm
md
lg

“คำนูณ” จี้รัฐทบทวนจำนำข้าว พร้อมสอบใครได้ประโยชน์ หลัง รมต.รับขายขาดทุน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา (แฟ้มภาพ)
“ส.ว.สมยศ” แฉกรมบัญชีกลางแจ้ง ผอ.โรงพยาบาลสั่งหมอจ่ายยาให้ข้าราชการแค่ในบัญชีหลักแห่งชาติ ซัดคุกคามวิชาชีพแพทย์ ด้าน “ส.ว.ไพบูลย์” ขอชาวกรุงช่วยสอบร่าง พ.ร.บ.เอกชนร่วมทุนนำไปสู่ กม.กู้ 2.2 ล้านล้าน “ส.ว.คำนูณ” จี้ทบทวนจำนำข้าว หลัง “นิวัฒน์ธำรง” หลุดปากบอกขาดทุน พร้อมสอบใครได้ประโยชน์

วันนี้ (11 มี.ค.) ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 10.00 น. การประชุมวุฒิสภา ที่มีนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา เป็นประธานโดยก่อนข้าสู่วาระการประชุม พล.ต.ท.สมยศ ดีมาก ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ตนได้รับเรื่องร้องเรียนจากเพื่อนข้าราชการที่ใช้สวัสดิการการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลของรัฐ ข้าราชการไทยเดิมมีประมาณ 2 ล้านคน รวมครอบครัวแล้วอีกประมาณ 6-8 ล้านคน การรักษาพยาบาลที่ผ่านมาก็เรียบร้อยดี แพทย์ผู้รักษาสามารถสั่งยาใหม่หรือเก่าที่มีประสิทธิภาพสูงให้แก่คนไข้ด้วยความสามารถของตนเองโดยไม่ต้องวิตกกังวลอะไร แต่เมื่อเร็วๆ นี้มีหนังสือเวียนจากกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง แจ้งมายังผู้บริหารโรงพยาบาลของรัฐแจ้งให้แพทย์ผู้ตรวจรักษาสามารถจ่ายยาได้เฉพาะยาในบัญชียาหลักแห่งชาติเท่านั้น ไม่สามารถจ่ายนอกบัญชีได้ ไม่เช่นนั้นกรมบัญชีกลางจะเรียกเก็บเงินจากโรงพยาบาลของรัฐ ซึ่งแน่นอนว่าโรงพยาบาลก็จะต้องไปเรียกเก็บจากแพทย์ผู้สั่งยาต่อไป จึงเกิดความกลัวของแพทย์

“ผมคิดว่าการกระทำของกรมบัญชีกลางครั้งนี้เป็นการคุกคามต่อจรรยาบรรณวิชาชีพของแพทย์อย่างไม่เคยมีมาก่อน ทำให้แพทย์ไม่กล้าสั่งยาให้ผู้ป่วย ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องหรือเหมาะสม ความจริงสิทธิสวัสดิการพยาบาลของข้าราชการที่มีมานานแล้ว โดยผู้ป่วยที่เป็นข้าราชการสามารถรับยาทุกชนิดโดยไม่ต้องเสียเงินเลย อย่างไรก็ตาม วิวัฒนาการการรักษาพยาบาลของแพทย์ในโลกนี้ไม่เคยหยุดอยู่กับที่ จะต้องวิจัยเพื่อหาหนทางต่างๆ ในการรักษาพยาบาลให้ผู้ป่วยอย่างดีที่สุด การค้นคว้ายาใหม่ๆ ที่มีประสิทธิภาพสูง ทำให้ผู้ป่วยหายไวก็จะต้องมีต่อไป ซึ่งแพทย์ผู้ชำนาญต่างๆ ก็ต้องใช้ยาเหล่านี้ได้เพื่อให้คนไข้ของตัวเองหายรวดเร็ว มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เดิมเรามีแพทย์ 2 ทาง คือ แผนปัจจุบัน และแผนไทย แต่ในอนาคตข้างหน้าคาดว่าจะมีแพทย์ปัจจุบันแผนโบราณเกิดขึ้นครับ” พล.ต.ท.สมยศกล่าว

ด้านนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา หารือว่า ขอเรียกร้องไปยังประชาชนชาวกทม.ให้ร่วมกันตรวจสอบร่าง พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐซึ่งออกแบบมาเพื่อนำร่องไปสู่ร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2.2 ล้านล้านบาท ด้วยเหตุคือ เปิดช่องให้โครงการใช้เงิน ทรัพย์สินของรัฐ ร่วมธุรกิจกับเอกชนได้อย่างง่ายดาย โดยไม่เปิดประมูลโครงการรวมมูลค่า 2.2 ล้านล้านบาท ให้ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่ออนุมัติรองรับการใช้เงินกู้ตาม พ.ร.บ.ที่จะออกตามมา โดยได้ปิดช่องการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกด้านในการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ ทั้งๆที่มีผลประโยชน์มหึมา เป็นการก่อภาระให้ประชาชนต้องเสี่ยงรับภาระหนี้สินมหาศาล และจากการตรวจสอบพบว่า พ.ร.บ.ใหม่นี้ได้ยกเลิก พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงาน หรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 ทั้งฉบับ รวมถึงมาตรา 15 ที่บัญญัติว่า วิธีการคัดเลือกของคณะกรรมการจะต้องใช้วิธีการประมูลก็ถูกยกเลิกไปด้วย โดยเขียนใหม่ตามมาตรา 38 ให้อำนาจดำเนินการโดยไม่ต้องใช้วิธีการประมูลอย่างง่ายดาย ทั้งนี้ ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวอยู่ระหว่างรอการประกาศใช้ ซึ่งน่าจะขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติรัฐธรรมนูญหลายมาตรา ซึ่งตนก็จะได้หารือกับ ส.ว.เพื่อพิจารณาส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยต่อไป

ทางด้านนายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา กล่าวหารือไปยังรัฐบาลกรณีที่นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมาว่าได้รับคำสั่งจากนายกรัฐมนตรีให้ดูแลเรื่องเงินในโครงการรับจำนำข้าว และยืนยันว่าจะเร่งขายข้าวในราคาตลาดโลก โดยที่รัฐบาลจะยอมรับผลการขาดทุน ซึ่งตนคิดว่าเป็นครั้งแรกที่คนของรัฐบาลยอมรับว่าโครงการรับจำนำข้าวทุกเมล็ดมีราคาสูงกว่าตลาดโลกถึง 40 เปอร์เซ็นต์ และแปลว่ารัฐบาลล้มเหลวและขาดทุนในทางปฏิบัติ

นายคำนูณกล่าวต่อว่า ตนจึงขอเรียกร้องไปยังรัฐบาลว่านอกจากการออกมายอมรับโดยอย่างตรงไปตรงมาแล้ว รัฐบาลควรจะต้องทบทวนโครงการรับจำนำข้าวว่าจะดำเนินต่อไปหรือไม่ เพราะจากปัญหาสถานการณ์การใช้เงินก็ยังมีความสับสนว่าจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร นอกจากนี้ แม้ว่ารัฐบาลจะออกมายอมรับอย่างตรงไปตรงมาแล้ว แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นจากการประกาศอย่างเปิดเผยก็จะเป็นการชี้นำราคาข้าวในตลาดโลกต่ำลงไปอีก ดังนั้น ตนขอเสนอไปยังรัฐบาลว่านอกเหนือจากทบทวนโครงการทั้งหมดแล้ว รัฐบาลจะต้องตรวจสอบว่ามีผู้ใดได้รับประโยชน์ในโครงการรับจำนำข้าวจากการให้สัมภาษณ์ของนายนิวัฒน์ธำรงบ้าง


กำลังโหลดความคิดเห็น