ส.ว.ชี้วงถก “เจริญ” สินค้าเก่า แนะเบรกเจรจาไปทำตามข้อเสนอ คอป.

“ส.ว.ประสาร” ชี้วงถก “เจริญ” สินค้าเก่าตราดูไบ “ส.ว.สมชาย” ชี้แดงสุดโม้ ยันมีติดคุกแค่ 32 ราย ซัดนิรโทษกรรมหวังผลหนีการลงโทษ แนะเบรกไว้ก่อน แล้วไปทำตามข้อเสนอ คอป. จี้นายกฯ มาร่วม ให้ดีเอสไอเร่งคดีด้วย

วันนี้ (11 มี.ค.) ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 10.00 น. การประชุมวุฒิสภา ที่มีนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม โดยก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุม นายประสาร มฤคพิทักษ์ ส.ว.สรรหา หารือว่า กรณีที่ 42 ส.ส.พรรคเพื่อไทยเสนอร่างกฎหมายนิรโทษกรรม โดยมีการเลื่อนวาระเข้าสภาอย่างเร่งด่วนและผิดปกติ โดยนายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาคนที่ 1 เชิญประชุม 8 ฝ่าย ในวันนี้ (11 มี.ค.) ซึ่งตนมองว่าเรื่องนี้เป็นสินค้าเก่าที่มีส่วนผสม 3 ส่วน คือ 1. นิรโทษกรรม 2. อำพราง 3. สอดไส้ ที่เมื่อเปิดดูก็รู้ว่าเป็นสินค้าในเครือบริษัทนายห้างใบห่อตราดูไบทั้งหมด ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่เคยกล่าวว่าจะมอบให้ คอป.ที่ตรวจสอบความจริงและนำความจริงไปสู่การปรองดองต่อไป โดยจะมอบอำนาจหน้าที่และงบประมาณให้คณะกรรมการคณะนี้ด้วย อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครคัดค้านการปรองดอง ไม่มีใครต่อต้านการสมานฉันท์ และไม่มีใครขัดขาวงการรอมชอม แต่จะต้องเป็นสิ่งที่รักษาไว้ซึ่งนิติรัฐ และคงไว้ซึ่งนิติธรรม ถ้าหากไม่รักษาไว้เช่นนี้ประเทศไทยก็จะไม่มีขื่อแปอะไรหลงเหลืออยู่เลย

ด้านนายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ในฐานะประธานอนุกรรมาธิการตรวจสอบข้อเท็จจริงการเสียชีวิตเจ้าหน้าที่ทหารและประชาชนในเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง 10 เม.ย. - 19 พ.ค. 53 มีข้อเท็จจริงบางประการที่ขอเรียนผ่านไปกับผู้ที่กำลังเจรจาการนิรโทษกรรมในขณะนี้ คือ 1. ไม่ได้มีนักโทษที่ถูกขังในเรือนจำจำนวน 1-3 พันคน ตามที่มีการกล่าวอ้าง ข้อเท็จจริงมีแค่ 32 คน โดยกลุ่มหนึ่งอยู่ในเรือนจำพิเศษบางเขน 17 คน เป็นผู้ต้องหาอุกฉกรรจ์คดีร่วมกันมีอาวุธ วางระเบิด วางเพลิง ปล้นอาวุธ ก่อการร้าย และความผิดต่อชีวิต โทษตั้งแต่ 6-38 ปี กลุ่มที่ 2 ผู้ต้องหาคดีหมิ่นประมาท อาฆาตมาดร้ายต่อสถาบันฯ ตามกฎหมายอาญา มาตร 112 จำนวน 6 ราย กลุ่มที่ 3 ที่อยู่เรือนจำอื่นจำนวน 9 ราย ซึ่งทั้งหมดที่ไม่ได้ปล่อยเพราะอาจหลบหนีคดี และอาจจะพาดพิงไปเกี่ยวข้องกับมาตรา 112 รวมถึงผู้บงการด้วย เพราะฉะนั้น การเคลื่อนไหวเพื่อยื่นร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมขณะนี้เป็นเพราะผู้กลัวที่จะถูกดำเนินคดีซึ่งมีอยู่ 4 กลุ่มคดีที่ยังไม่มีความคืบหน้า คืบหน้าแค่เพียงบางส่วนคือคดีก่อการร้าย 25 คน ซึ่งมีทั้งนักการเมือง ที่ปรึกษา นักการเมืองท้องถิ่น อดีตนายกรัฐมนตรีเกี่ยวข้องอยู่ด้วย ส่วนคดีปล้นอาวุธ วางเพลิง เผาทรัพย์ ไม่มีความคืบหน้าเลย ขณะที่คดีที่ทำให้ทหารและประชาชน เจ้าหน้าที่เสียชีวิต คืบหน้าฝ่ายเดียวเพียงแค่บางส่วน

“เพราะฉะนั้นจึงเป็นการดำเนินการเพื่อหวังผลให้ยกเว้นคดี และหนีการลงโทษทางกระบวนการยุติธรรม ผมขอเรียนต่อนายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ด้วยความเป็นห่วงว่า ขอให้ยุติเรื่องดังกล่าวไว้ก่อน และดำเนินการตามข้อเสนอของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ(คอป.) มิฉะนั้นอาจจะเกิดปัญหาขึ้น และขอให้นายกรัฐมนตรีเข้ามามีส่วนร่วมในความรับผิดชอบ อย่าโยนเรื่องให้สภาฯ ตอบเพียงอย่างเดียว ขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตำรวจ อัยการ ได้เร่งคดีทั้ง 4 กลุ่มไม่ให้เกิดการยุติคดี แล้วจากนั้นจึงเข้าสู่โหมดแห่งความปรองดองและนิรโทษกรรม ไม่เช่นนั้นจะทำให้ประเทศเข้าสู่ความขัดแย้งอีกรอบหนึ่ง” นายสมชายกล่าว