“ส.ว.สมชาย“ ชมคนกรุงใช้สิทธิเลือกผู้ว่าฯ เป็นประวัติการณ์ จี้ “คุณชาย” ทำตามที่พูด เชื่อพัฒนา ปชต. ขอบคุณ “ปู” จับมือ กทม.ไร้รอยต่อ ฝากเคลียร์ปมส่อโกงศึกชิงผู้ว่าฯ หนุน “พงศพัศ” ลุยการเมือง กลับเข้า ขรก.อาจไม่แฟร์ “ประสาร” จี้โพลเชลียร์ทบทวน หยุดรับใช้การเมือง ดัก ปชป.คะแนนพุ่งเหตุเจตนารมณ์คน กทม.โชว์พลัง ไม่ให้ กทม.อยู่ใต้มือคนดูไบ
วันนี้ (4 มี.ค.) ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา ที่มีนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม ก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุม นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา หารือว่า ขอบคุณประชาชน กทม.ผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งผู้ว่าฯ 2,715,640 คน คิดเป็น 63.98% มากสุดเป็นประวัติการณ์ แสดงให้เห็นถึงพลังประชาธิปไตย ต้องถือเป็นสัญญาที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ว่าที่ผู้ว่าฯ กทม.คนที่ 16 ต้องเดินตาม 10 มาตรการเร่งด่วน และ 6 นโยบายสร้าง กทม.ใช้หลักเสียงข้างมากเดินหน้านโยบายและฟังเสียงข้างน้อย เพราะว่าคะแนนของผู้ที่ได้อันดับที่ 2 ไม่แตกต่างกันมาก มีนัยสำคัญทางการเมือง ถ้าเร่งพัฒนาประชาธิปไตยก็จะเป็นความแตกต่างที่งดงาม และขอขอบคุณไปยังนายกรัฐมนตรีที่จะทำงานร่วมกับ กทม.อย่างไร้รอยต่อ เป็นสิ่งที่ดี ขอบคุณคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และเจ้าหน้าที่ กทม.ที่ทำหน้าที่ได้ดี
นายสมชายกล่าวต่อว่า แต่ก็มีเรื่องฝากให้เคลียร์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรายชื่่อของตำรวจที่ซ้ำซ้อนของตำรวจภูธรภาค 4 ภาค 1 ที่อ้างว่ามีรายชื่อการโยกย้ายเข้ามาใน กทม.ว่า 1,000 คน จริงหรือไม่ หรือรายชื่อผู้ที่เสียชีวิตกว่า 7 พันคนอยู่ในรายชื่อผู้ที่มีสิทธิเลือกตั้ง ส่วนเรื่องโพลตนถือว่าเป็นบทเรียนที่ทุกสำนักต้องประเมิน ส่วนตัวยังอยากให้มีอยู่ แต่ต้องดำเนินตามหลักวิชา อย่าให้การเมืองและการเงินเข้ามาแทรก ต้องสร้างความน่าเชื่อถือให้กับประชาชน และเรื่องที่ตำรวจเข้าไปใช้เครื่องกดนับจำนวน ว่าเป็นไปตามหลักของ กกต.หรือผิดหลักกฎหมายหรือไม่ ก็ต้องตรวจสอบ และฝากถึง พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ว่าคะแนนเสียงที่ได้รับมาเกิน 1 ล้านเสียง ควรจะทำงานการเมืองต่อไป อย่าละเลยตรงนี้ เพราะหากกลับเข้ารับราชการจะเป็นการแฟร์หรือไม่ แม้ระเบียบจะเปิดช่องก็ตาม ส่วนตัวอยากเห็น พล.ต.อ.พงศพัศ เดินหน้าทางการเมือง มากกว่ากลับเข้ารับราชการ
ด้านนายประสาร มฤคพิทักษ์ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ขอถอดบทเรียนวิเคราะห์การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ครั้งนี้ โพลสำรวจการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ครั้งนี้เป็นการฉีกตำราโพลทุกสำนัก ยกเว้นนิด้าโพล เพราะฉะนั้นควรจะทบทวนว่าเป็นการทำตามตำราวิชาการหรือรับใช้ผลประโยชน์ทางการเมือง ขณะเดียวกันพรรคประชาธิปัตย์คงเข้าใจได้ดีว่ามีแฟนพันธุ์แท้ประมาณ 6-7 แสน แต่ที่ได้คะแนน 1.2 ล้านกว่านั้น เป็นเรื่องของพลังเงียบที่เขามาลงคะแนนด้วยเหตุผลที่เป็นความฉลาดเลือกทางยุทธศาสตร์เป็นเจตนารมณ์ร่วมกันของคนกรุงเทพฯ ที่ส่งสัญญาณถึงอนาคตประเทศไทย
นายประสารกล่าวอีกว่า คน กทม.ไม่ได้เลือกเพราะความกลัวเผาบ้านเผาเมืองหรือกลัวว่าแกนนำนปช.จะมาเป็นรองผู้ว่าฯ กทม. แต่เป็นความกล้าที่จะปฏิเสธความรุนแรง กล้าปฏิเสธความมุทะลุดุดัน ไม่ใช่กลัวเสาไฟฟ้าจะชนะ แต่กล้าที่จะปฏิเสธการหยามหยันยัดเยียดของใครบางคน ไม่ใช่กลัวยุทธการยึดบ้านยึดเมือง แต่กล้าที่จะต้านการกินรวบประเทศไทย แต่ไม่ใช่กลัวการไร้รอยต่อ แต่เชื่อการไร้รอยต่อเป็นใบอนุญาตโกง เพราะฉะนั้นจึงกล้าให้มีระบบการตรวจสอบ นี่คือเจตนารมณ์ร่วมกันของคน กทม. เป็นความกล้าหาญทางจริยธรรม ที่จะกล้าบอกว่ากรุงเทพเป็นเมืองหลวงของประเทศไทยไม่ใช่เป็นเมืองขึ้นของดูไบ
