ข่าวปนคน คนปนข่าว
จบศึกชิงเมืองหลวงระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์แล้ว อะไรที่เคยอัดเคยอั้นเอาไว้ชักได้เวลาแผลงฤทธิ์ให้ได้ขบเคี้ยวปัญหากันอีกยก ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องกฎหมายนิรโทษกรรมที่กำลังขึ้นหม้อติดกระแสลมบนอยู่ขณะนี้
ตลอดจนล่าสุดกับคิวปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่เป็นอีกประเด็นที่ถูกหมักดองเอาไว้ในช่วงศึกเสาชิงช้า
โดยเฉพาะในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรคชาติไทยพัฒนาของ “หลงจู๊ใหญ่” นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ที่ส่งโพยรายชื่อแคนดิเดตเสนาบดีกระทรวงท่องเที่ยวคนใหม่แทนน้องชาย นายชุมพล ศิลปอาชา อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาที่ถึงแก่อสัญกรรม ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไปนมนามกาเลแล้ว
แต่ยังแต่งตั้งไม่ได้เพราะติดขัดปัญหาด้านเทคนิค ที่ว่ากันว่าคนในหมู่พรรคเพื่อไทยตลอดจน “นายใหญ่” เองไม่ค่อยปลื้มกับรายชื่อแคนดิเดตอย่างนายสมศักย์ ภูริศรีศักดิ์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรีที่ “หลงจู๊ใหญ่” ส่งมาให้สักเท่าไหร่ เลยทำให้ติดแหงกคาอยู่อย่างนั้น
เรื่องของเรื่องตามเหลี่ยมคู “บรรหาร” ที่เลือกใช้ข้าราชการประจำมากกว่านักการเมือง ก็มีอยู่ไม่กี่เหตุผลคือ ว่านอนสอนง่าย ไม่ดื้อ ไม่ซน ไม่ตุกติก ไม่หมกเม็ดแพรวพราวเหมือนกับพวกนักการเมืองที่เขี้ยวเล็บติดไปหมด
ตามอารมณ์เบื่อก็เลยเลือกใช้บริการอดีตข้าราชการดีกว่า
มาเที่ยวนี้เสร็จศึกเสาชิงช้าเลยน่าจะได้เคลียร์กันสักที และน่าจะมีช็อตต่อเนื่องกันอีกยกในหมู่พรรคแกนนำรัฐบาลอย่างพรรคเพื่อไทยพ่วงมาด้วย ที่ส่อแววจะต้องมีการสังคายนากันอีกยกหลังแพ้ศึกเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
ตามคิวตรวจแถวบรรดาเสนาบดีสันหลังยาว ผลงานไม่เข้าตา ปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง อาจถูกมัดรวมปรับเปลี่ยนตำแหน่งในคราวเดียวกันนี้ ซึ่งต่อจะให้มีข้ออ้างมากมายก่ายกองขนาดไหน แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าคนอย่าง “นักโทษหนีคดี" พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เกลียดความพ่ายแพ้มากที่สุด
ทำให้พลพรรคเครือข่ายนายห้างจะไว้วางใจไม่ได้ว่าจะเป็นเพียงแค่การปรับย่อยในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลเท่านั้น ยิ่งมีกระแสข่าวลือมาตลอดในส่วนของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโควตา นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชนที่จะเขี่ยนายปรีชา เร่งสมบูรณ์ เจ้ากระทรวงคนปัจจุบันออก แล้วจับเอานายวิสาร เตชะธีรวัฒน์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยมาเสียบแทน
คนในพรรคสีแดงยิ่งต้องระแวงและเผลอไม่ได้ แม้แต่กระทั่งพวกตัวใหญ่ๆ เก้าอี้เสริมใยเหล็ก ก็อย่าเที่ยวชะล่าใจว่าจะอยู่ยงคงกระพัน เพราะตามกระแสที่ออกมา แม้แต่คนระดับ “เสี่ยเพ้ง” นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ที่สนิทชิดเชื้อกับ “นายใหญ่” แบบแน่นแฟ้น ก็อยู่ในแผนที่อาจกระเด็นแบบเซอร์ไพร์สเหมือนกัน
โดยว่ากันว่า สาเหตุที่ทำให้ “นายใหญ่” ไม่สบอารมณ์ก็มาจากชนวนความขัดแย้งภายในกระทรวงพลังงาน หลังจากมีข่าวว่า “เสี่ยเพ้ง” เกิดขัดขากับ นายณอคุณ สิทธิพงศ์ ปลัดกระทรวงพลังงาน มือทำงานที่ไว้ใจได้ของ “นายใหญ่” จนถึงขั้นจะดีดออกจากตำแหน่งปลัดกระทรวงกันทีเดียว
ตลอดจนอีกหนึ่งแผลที่ทำเอา “นายใหญ่” ไม่ปลื้มเอามากๆ ก็คิวกระโตกกระตากออกมาจุดกระแสไฟฟ้าดับในช่วงเทศกาลหรรษาอย่างสงกรานต์ หลังพม่าหยุดจ่ายกระแสไฟฟ้าเพื่อทำการซ่อมแซมท่อก๊าซที่ได้รับความเสียหาย จนชาวบ้านชาวช่องตกอกตกใจทำอะไรกันไม่ถูก
คิวนี้เล่นพลาดเพราะ “นายใหญ่” ไม่ได้สั่ง แถมยังยั๊วะที่อาจมีวาระซ่อนเร้นของ “เสี่ยเพ้ง” เองซะด้วย งานนี้เลยไม่มีใครการันตีได้ 100 เปอร์เซ็นต์ว่าจะไม่ถูกลงโทษ
และอีกจังหวะล่าสุดที่น่าจับตามากไม่น้อย ก็ในคิวย้ายขั้วข้ามห้วยจากพรรคฝ่ายค้านมาร่วมรัฐบาลของ “กลุ่มมัชฌิมา” ของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ที่สถานะปัจจุบันยังอยู่ภายใต้ชายคาของพรรคภูมิใจไทยอยู่
ซึ่งในระยะหลังภาพของกลุ่ม “มัชฌิมา” โดยเฉพาะงานในสภาที่ค่อนข้างชัดว่า หลายงานหลายโปรเจ็กต์ของรัฐบาลกลุ่มของ “สมศักดิ์” ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีเยี่ยม
ขณะที่ความสัมพันธ์ของ “สมศักดิ์” เองก็ค่อนข้างแนบแน่นกับ “เจ้าแม่วังบัวบาน” นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวในไส้ “นายใหญ่”
พอเกิดภาพเกื้อหนุนซึ่งกันและกันดี ก็เลยมีข่าวผสมโรงกับกระแสปรับครม.กันซะเลย
แต่จับจังหวะวัดกันตามไทม์มิ่งทางการเมือง การคัมแบ็กสู่ชายคาพรรคเพื่อไทยของ “กลุ่มมัชฌิมา” น่าจะยังไม่เกิดขึ้นในห้วงเวลานี้ เพราะยังมีปัจจัยหลายต่อหลายอย่างติดขัดอยู่ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของ “นายใหญ่” เองที่ยังแหยงๆอยู่กับ “แก๊งงูเห่า” ชนิดยังเข็ดอยู่กับพวกทรยศ
ขณะที่การดึง “กลุ่มมัชฌิมา” กลับเข้ามาร่วมงาน ก็ไม่เป็นผลดีกับภายในพรรค เพราะจะต้องมีการเพิ่มสัดส่วนโควต้ารัฐมนตรีกันอีกหนึ่งก๊ก ซึ่งก็ไม่คุ้มหากมองไปดูขุมกำลังของนายสมศักดิ์ที่มีเสียงอยู่ในสภาเพียง 7 คนเท่านั้น ในขณะที่เสียงของพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบันก็ยังเพียงพอต่อการผ่านกฎหมายต่างๆ ได้อย่างสบายอยู่ ไม่ถึงกับขาดแคลนและต้องการกองกำลังเพิ่ม
เรียกว่า การดึง “กลุ่มมัชฌิชา” เข้ามาหากมองในผลบวกแล้ว แทบจะมีน้อยมาก
อีกทั้งสถานะของ “สมศักดิ์” ในพรรคภูมิใจไทยเองก็ไม่ใช่ประเภทนายทุนหนาเตอะคอยควักคอยจ่าย ยิ่งเมื่อเทียบกับ “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และนายเนวิน ชิดชอบ พ่อใหญ่ตัวจริงของพรรค บารมีของสองรายหลังดูมีราคามากกว่า
โดยเฉพาะในรายของ “เสี่ยหนู” ที่ดูจะเข้าหา “นายใหญ่” ได้โดยตรงประเภทยกหูได้เลย ผิดกับ “สมศักดิ์” ที่ยังห่างๆ และแนบแน่นกับทางฝั่ง “เจ๊แดง” มากกว่า
ขณะเดียวกัน ขุมกำลังของ “เสี่ยหนู” ในพรรคก็มีส.ส.อยู่ในกำมือร่วม 20 กว่าชีวิต มิหนำซ้ำยังเป็นประเภทนายทุนที่มีกำลังสูง ใจถึงและใจป้ำอีกด้วย
พิสูจน์คอนเน็กชั่น “เสี่ยหนู” กับ “นายใหญ่” ได้ดีที่สุด ก็คิวที่บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) คว้าโปรเจ็กต์สร้างรัฐสภาแห่งใหม่ไปครองได้แบบไม่ต้องออกแรงมาก
ฉะนั้น การดึงส.ส.จากพรรคภูมิใจไทยในก๊กของ “เสี่ยหนู” และ “เนวิน” น่าจะมีประโยชน์มากกว่าหากเทียบกับ “กลุ่มมัชฌิมา”
อย่างไรก็การย้ายข้ามห้วยของ “กลุ่มมัชฌิมา” ยังไม่น่าจะเกิดขึ้นจริงในช่วงนี้ แม้จะกระสันกันมากแค่ไหนก็ตาม อย่างน้อยๆ น่าจะรอให้มีการยุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่กันก่อน จะย้ายตอนนั้นมันก็ยังไม่สาย ไม่น่าเกลียด และมีความลงตัวมากกว่าตอนนี้