แม้ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะรีบออกมากลบความเคลื่อนไหวภายในพรรคเพื่อไทย ต่อเรื่องการ “ปรับคณะรัฐมนตรี” จากยิ่งลักษณ์ 3 เป็นยิ่งลักษณ์ 4
ด้วยคำยืนยันว่า เวลานี้ในส่วนของพรรคเพื่อไทยยังไม่มีการพูดคุยกันเรื่องนี้ เบื้องต้นได้คุยกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลไว้บ้างแล้ว แต่ทั้งหมดก็ต้องรอในผ่านพ้นงานพิธีสวดพระอภิธรรมศพนายชุมพล ศิลปอาชา อดีตรองนายกฯและ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬาที่ถึงแก่อสัญกรรมไปเมื่อวันที่ 21 ม.ค. 2556 ที่ผ่านมาไปก่อน
ทีมข่าวการเมือง ต้องขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวศิลปอาชาต่อการจากไปของนายชุมพล นักการเมืองที่คร่ำหวอดในวงการเมืองในระดับชาติมาตลอดหลายสิบปีไว้ด้วยในที่นี้
อย่างไรก็ตาม ดูตามเงื่อนไขปัจจัยการเมืองแล้ว หลังผ่านพ้นต้นเดือนกุมภาพันธ์ไป ความเคลื่อนไหวการปรับครม.ต้องเกิดขึ้นแน่นอน แต่ที่ยังไม่จำเป็นต้องรีบดำเนินการเวลานี้ ก็เพราะรอให้เงื่อนเวลาถูกต้อง เหมาะสมเข้าที่เข้าทางก่อน
เพราะจู่ๆ เวลานี้ จะมาคุยกันเอิกเกริกเรื่องปรับครม.เอาคนมาแทนนายชุมพล คงเป็นเรื่องเสียมารยาทและไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง
เงื่อนไขที่ว่า ก็คือนอกจากรอให้ผ่านพ้นพิธีสวดพระอภิธรรมศพของนายชุมพลแล้ว
อีกหนึ่งเงื่อนไขหนึ่งก็คือ การรอผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในคดีคำร้องที่กลุ่มสมาชิกวุฒิสภายื่นคำร้องให้ศาลรธน.วินิจฉัยคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรีของวราเทพ รัตนากร รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี ว่าสิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 182 (3) ประกอบมาตรา 174 (5)หรือไม่ จากกรณีที่รธน.มาตรา 182(3)ได้บัญญัติว่า
“บุคคลเข้ารับดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ต้องไม่โดนคำพิพากษาให้จำคุก แม้คดีนั้นจะยังไม่ถึงที่สุด หรือมีการรอการลงโทษ เว้นแต่เป็นกรณีที่คดียังไม่ถึงที่สุด หรือมีการรอการลงโทษในความผิดอันได้กระทำโดยประมาท เว้นความผิดลหุโทษ หรือความผิดฐานหมิ่นประมาท”
จากกรณีที่ตัววราเทพ อดีตรมช.คลังในสมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ที่ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสินจำคุก 2 ปี แต่ให้รอลงอาญา 2 ปีในคดีทุจริตหวยบนดิน
ที่ศาลรัฐธรรมนูญได้นัดตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้งหมดลงมติและอ่านคำวินิจฉัยกลางในวันศุกร์ที่ 1 กุมภาพันธ์นี้
โดยแม้วราเทพและทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทยรวมถึงที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายของรัฐบาล จะมั่นใจว่าคุณสมบัติของวราเทพไม่ขัดรธน.แน่นอน เพราะมีการตรวจสอบคุณสมบัติอย่างละเอียดแล้วโดยเฉพาะในชั้นสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และยกรัฐธรรมนูญมาแจงว่า ในรัฐธรรมนูญ ม. 174 (5) บัญญัติว่า
รัฐมนตรีต้องไม่มีคุณสมบัติต้องห้ามคือ ไม่เคยต้องคำพิพากษาให้จำคุก โดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึงห้าปีก่อนได้รับแต่งตั้ง เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
ทำให้ฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทยเชื่อว่า วราเทพน่าจะผ่านฉลุยในชั้นศาลรธน.แน่นอน เพราะศาลรัฐธรรมนูญได้เคยมีคำวินิจฉัยเมื่อปี 2542 เรื่องลักษณะต้องห้ามของผู้ที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีในส่วนของบทบัญญัติว่า “ไม่เคยต้องคำพิพากษาให้จำคุก” โดยมีข้อความกำกับต่อมาว่า “โดยได้พ้นโทษมา ยังไม่ถึงห้าปีก่อนได้รับการแต่งตั้ง”
จึงต้องหมายความว่าบุคคลนั้นต้องถูกจำคุกจริง เพราะถ้ายังไม่มีการได้รับโทษจำคุกจริงก็จำไม่มีวันพ้นโทษที่จะนำมานับตามเวลา 5 ปีได้ แต่กรณีของวราเทพเป็นการรอลงอาญา ไม่ได้ถูกจำคุกจริง
ทำให้ที่ผ่านมา มีข่าวว่ายิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรีและตัววราเทพ รวมถึงแกนนำพรรคเพื่อไทยแทบไม่ค่อยกังวลอะไรมากนัก กับการตัดสินคดีนี้ของศาลรธน.เพราะมีการสกีนตรวจสอบข้อกฎหมายกันมาหมดแล้วก่อนที่จะมีการเสนอชื่อวราเทพให้เป็นรัฐมนตรี
ผลจะออกมาแบบไหน วราเทพจะฉลุยได้นั่งเป็นรัฐมนตรีต่อไปหรือจะต้องกระเด็นหลุดจากเก้าอี้ ก็ต้องรอลุ้นกันในวันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้
หากผลออกมาว่าศาลรธน.ยกคำร้อง วราเทพได้เป็นรมต.ต่อไป ก็น่าที่จะทำให้การปรับครม.ไม่จำเป็นต้องเร่งรีบ เพราะอย่างภารกิจเดิมของชุมพล ที่นั่งเป็นรองนายกรัฐมนตรีด้วย งานทั้งหมดก็มีสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศจากพรรคเพื่อไทยดูแลไปชั่วคราวก่อน
แต่หากวราเทพ รัฐมนตรีในโควต้า เจ๊แดง เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ที่ดูแลงานหลักๆ เช่น บริษัทอสมท.จำกัด (มหาชน) -สำนักงบประมาณ เก้าอี้หัก หลุดจากตำแหน่ง จากผลคำวินิจฉัยของศาลรธน.ขึ้นมา
ก็เชื่อว่า ยิ่งลักษณ์ คงต้องรีบทำการตัดสินใจปรับครม.ให้เร็วขึ้น เพราะงานด้านการท่องเที่ยวก็เป็นงานสำคัญ เม็ดเงินจากการท่องเที่ยวคือรายได้หลักของประเทศ การว่างเว้นไม่มีรัฐมนตรีตัวจริงทำงาน คงไม่เป็นผลดีนัก
เวลานี้ ก็เริ่มมีกระแสข่าวเกิดขึ้นแล้วในแวดวงการเมืองถึงตัวเต็งคงที่จะมาเป็นรัฐมนตรีคนใหม่ในโควต้าพรรคชาติไทยพัฒนา ที่ยังไม่ชัดว่าจะนั่งในตำแหน่งเดิมของนายชุมพลทั้งหมดคือรองนายกรัฐมนตรีควบรมว.ท่องเที่ยวฯหรือจะเป็นรมว.ท่องเที่ยวตำแหน่งเดียวแล้วให้รัฐมนตรีของพรรคอย่าง ยุคล ลิ้มแหลงทอง รมว.เกษตรและสหกรณ์ มาควบรองนายกรัฐมนตรีอีกหนึ่งตำแหน่ง
ท่ามกลางข่าวลือว่าน่าจะออกมาในสูตรหลังคือให้ยุคลควบรองนายกฯ-เกษตรและสหรกร์และให้อีกคนมาเป็นรมว.ท่องเที่ยวฯอย่างเดียว
เชื่อว่าเวลานี้ตัวบรรหาร ศิลปอาชา พี่ชายนายชุมพล ก็คงยังไม่อยากคิดเรื่องปรับครม.หรือหาคนมาเป็นหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนาคนใหม่แทนนายชุมพลตอนนี้ คงต้องรอให้ผ่านไปอีกสักระยะก่อน
อย่างไรก็ตาม การปรับครม.ครั้งนี้ ดูแล้ว คงต้องนำคนนอกที่ไม่ใช่คนในตระกูล ศิลปอาชา มาเป็นรัฐมนตรีแทนนายชุมพลค่อนข้างแน่
ข่าวบางกระแสบอกว่ามี 3 ตัวเต็ง มีชื่อติดโผสื่ออยู่ แต่ความเป็นไปได้อย่างไร ต้องรอสักสัปดาห์หน้าน่าจะชัดมากขึ้น
3 คน ที่มีชื่อเป็นแคนดิเดทอยู่ก็คือ นายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรีสายตรงบรรหารและพรรคชาติไทยพัฒนา เห็นได้จากที่เติบโตในพื้นที่สุพรรณบุรีมาตลอด จนได้เป็นผวจ.สุพรรณบุรีมาร่วม 6 ปี จนกระทรวงมหาดไทยต้องเสนอเรื่องให้ครม.ต่ออายุให้หลังอยู่สุพรรณบุรีครบ 4 ปี และเพิ่งจะเกษียณอายุราชการไปเมื่อ30 ก.ย. 2555 ที่ผ่านมา
คนต่อมาคือ นายสมบัติ คุรุพันธ์ อดีตปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวฯ รายนี้ก็รู้อยู่ สายตรงนายบรรหารอีกเช่นกัน ทำงานคุ้นเคยกับสายชาติไทยพัฒนามาตลอด
ชื่อสุดท้ายข่าวว่าค่อนข้างเต็ง คือนายสุวัตร สิทธิหล่อ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวฯคนปัจจุบันที่จะเกษียณอายุราชการในเดือนกันยายนปีนี้ หากได้รับแรงหนุนจากบรรหารจริง เชื่อว่าคงตัดสินใจลาออกจากปลัดฯท่องเที่ยวโดยไม่ต้องคิดให้เสียเวลา
รมว.ท่องเที่ยวคนใหม่จะเป็น สมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์-สมบัติ คุรุพันธ์หรือสุวัตร สิทธิหล่อ แม้ชื่อหลังสุดจะมาเต็ง แต่ก็คงต้องรอใกล้ๆ ต้นเดือนกุมภาพันธ์คงรู้แน่ชัด
จังหวะเดียวกัน ก็มีข่าวโยนออกมาจากพรรคเพื่อไทยเช่นกันว่า อาจมีการปรับครม.โควต้าพรรคเพื่อไทยแบบเล็กๆ สัก 2-3 ตำแหน่ง ในครม.ยิ่งลักษณ์
เรียกว่าอาศัยจังหวะแบบนี้ พวกในเพื่อไทยที่รอลุ้นเป็นรมต.ก็เลยจะขออยากมีเอี่ยวเร็วๆ ไม่อยากรอไปถึงช่วงพ.ค.-มิ.ย.กลางปี ก็เลยอาศัยช่วงนี้ สร้างข่าวโหมกระแสไปว่ายิ่งลักษณ์กับทักษิณ ชินวัตรจะปรับครม.เพื่อไทยด้วย 2-3 เก้าอี้ เพื่อเอาพวกรัฐมนตรีที่รอบที่แล้วไม่โดนปรับออกแบบหลายคนคาดไม่ถึง ทั้งที่น่าจะโดนปรับออก
อย่างเช่น กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง-บุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์-พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รมช.มหาดไทย ถึงคิวรอบนี้พวกนี้น่าจะต้องลุ้นจากเก้าอี้ได้แล้ว โดยอ้างเหตุผลต่างๆ
โดยเน้นไปที่ พล.ต.ท.ชัจจ์ ตอบคำถามชี้แจงข้อกล่าวหาของฝ่ายค้านในช่วงการอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อปลายปี 55 ไม่ชัดเจน โดยเฉพาะเรื่องงบน้ำท่วม
หรือบุญทรง ที่วีซ่าหมดแล้วเพราะเรื่องโครงการรับจำนำข้าว ทักษิณอยากได้คนใหม่มาทำต่อ
อย่างไรก็ตาม ของแบบนี้ มันก็มีทั้งเป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้ ขณะที่ความเป็นไปได้ ดูแล้ว คนก็ไม่เชื่อว่ายิ่งลักษณ์จะเขี่ยทิ้งกิตติรัตน์ เพื่อนรักในครม.ในช่วงจังหวะแบบนี้
ยิ่งรัฐบาลกำลังจะออกกฎหมายกู้เงิน 2.2 ล้านล้านบาทในเร็วๆนี้เพื่อเอาเงินไปสร้างยุทธศาสตร์ประเทศครั้งใหญ่โดยเฉพาะการทำเมกะโปรเจคต์โครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคขนาดใหญ่จำนวนมาก
ซึ่งคนที่จับเรื่องนี้มาตลอดหลายเดือนและรู้รายละเอียดทั้งหมด ชนิดกดปุ่มก็ตอบได้หมดว่าจะเอาเงินไปทำอะไรบ้าง ก็คือ กิตติรัตน์ จึงยากมากที่ยิ่งลักษณ์จะเปลี่ยนตัวขุนพลเศรษฐกิจในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อแบบนี้
ดูกันไป ครม.ยิ่งลักษณ์ 4 จะเกิดขึ้นเมื่อใด และจะเป็นการปรับ ที่ลามไปถึงรมต.ของพรรคเพื่อไทยด้วยหรือไม่
คาดกันไว้ว่า ช่วงเทศกาลตรุษจีนเดือนหน้า อาจจะมีบางคนได้แต๊ะเอียสุดพิเศษจากบรรหาร -ยิ่งลักษณ์และทักษิณ