“มาร์ค” ชง ป.ป.ช.ฟันโกงงบน้ำท่วม สอบฟอกเงินจำนำข้าว ชี้เอฟเอโอห่วงแนะลดราคา ย้อนใช้งบเท่าตัวจากที่ชาวนารับทำลายอนาคตข้าว จี้แจงจีทูจีให้ชัด ขอหลักฐานค้าข้าวจีน หลังข้อมูลไม่ตรงกรมศุลฯ ยันต้องรับผิดหากโกหก ขอยับยั้งความเสียหาย ตอกจ้องเล่นงานคนให้ข้อมูลทุจริต ทำสังคมไม่เชื่อมั่น ดักอย่ามัวแต่อ้างโพลเชลียร์ ติงอย่าเป็นคู่กรณี ปชช. ส่วน ตร.มีปัญหาสื่อฯ ย้อน “ปู” ปรองดองแค่ลมปาก เตือนให้ศาลโลกจุ้น กระบวนการไทยถึงทางตัน สวนจ้องเล่นงานฝ่ายตรงข้าม คดีนายใหญ่กลับนิ่ง เชื่อ “โอ๋” หวังฟันคุณสมบัติ ปลดออก ขรก.แค่เบิกทาง ขู่ผิด กม.อย่าแถหนี
วันนี้ (30 พ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงขั้นตอนดำเนินการทางกฎหมายหลังจากที่การอภิปรายไม่ไว้วางใจจบไปแล้วว่า นอกจากจะไปยื่นข้อมูลเพิ่มเติมต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ในกรณีที่การทุจริตโครงการใช้งบน้ำท่วม 1.2 แสนล้านบาท จะพิจารณาด้วยว่ามีใครเกี่ยวข้องกับการทุจริตเพิ่มเติมหรือไม่ ส่วนกรณีการรับจำนำข้าวก็มีการตรวจสอบว่าเป็นจีทูจีจริงหรือไม่ ทั้งนี้ยังต้องตรวจสอบเส้นทางการเงินด้วยว่ามีการฟอกเงินหรือไม่ ซึ่งหวังว่าจะได้รับความร่วมมือและความกระจ่างจากทุกฝ่าย และนายกรัฐมนตรีต้องมีท่าทีอย่างใดอย่างหนึ่ง ล่าสุดกระทรวงเกษตรฯ ตั้งข้อสังเกตว่าคุณภาพข้าวได้รับผลกระทบเพราะเกษตรกรเร่งปลูกข้าวเข้าสู่โครงการจำนำอีก และเอฟเอโอมองว่าข้าวไทยที่เก็บไว้ในสต๊อกจะล้น จึงแนะนำให้มีการหั่นราคา ซึ่งทุกอย่างจะเห็นว่าเป็นปัญหาจากนโยบายทั้งหมด โดยที่นายกรัฐมนตรีไม่สามารถตอบคำถามได้ว่าทำไมโครงการที่ให้เงินกับเกษตรกรประมาณ 1 แสนล้านต้องใช้งบประมาณกว่า 2 แสนล้าน และยังทำลายระบบอนาคตข้าวไทยด้วย
“หากการอ้างรัฐบาลจีนในเรื่องจีทูจีไม่เป็นความจริงก็จะส่งผลกระทบตต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศให้เกิดปัญหา เพราะรัฐบาลไปอ้างประเทศจีน อีกทั้งรูปแบบและข้อมูลที่ได้นำเสนอไปนั้นรัฐบาลยังไม่ได้ตอบคำถาม อีกทั้งไม่ปฏิเสธด้วยว่าข้อมูลดังกล่าวไม่ใช่ความจริง จึงบ่งบอกชัดว่าไม่น่าจะใช่การค้าขายแบบรัฐต่อรัฐทั่วไป ซึ่งในขณะนี้ก็มีความละเอียดอ่อนเกี่ยวกับการวางบทบาทด้านการต่างประเทศระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน หากมีปัญหาเพิ่มก็คงไม่ดี ดังนั้นควรทำเรื่องจีทูจีกับจีนให้ชัดเจนก่อน โดยรัฐบาลต้องระบุว่าคนที่เอาเงินจากธนาคารมาจ่ายและรับเงินนั้นเป็นตัวแทนจากรัฐบาลจีนจริง เพราะรัฐบาลก็ต้องมีหลักฐานด้วย ไม่ใช่ใครอ้างว่ารับข้าวแทนจีนแล้วให้โดยไม่มีหลักฐาน โดยข้อมูลจากกรมศุลกากรที่ระบุตัวเลขการส่งออกข้าวก็ไม่ตรงกับที่รัฐบาลประกาศ แต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบ” นายอภิสิทธิ์กล่าว
อย่างไรก็ตาม หากการระบายข้าวแบบจีทูจีกับจีนที่รัฐบาลนำมาอ้างไม่เป็นความจริงนั้น เห็นว่ารัฐบาลต้องแสดงความรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น แต่เบื้องต้นตนต้องการให้รัฐบาลหยุดยั้งความเสียหายทั้งหมดก่อน ไม่ว่าจะเป็นงบน้ำท่วม และจำนำข้าว เพราะถ้าปล่อยปละละเลยไปเรื่อยๆ จะสะสมความเสียหายเพิ่มเติม แต่ก็ยังไม่เห็นว่ารัฐบาลนำข้อมูลจากฝ่ายค้านไปใช้เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศ มีแต่รัฐมนตรีหรือรัฐบาลไปหาช่องทางเล่นงานคนที่ให้ข้อมูลกับพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งการกระทำลักษณะนี้จะยิ่งเพิ่มความตึงเครียดในสังคมและลดความเชื่อมั่นที่ประชาชนมีต่อรัฐบาลด้วย เพราะถ้ารัฐบาลไม่จริงจังกับการตรวจสอบการทุจริตหรือการรักษาผลประโยชน์โดยคิดแต่เรื่องผลประโยชน์ทางการเมือง จะอ้างผลสำรวจว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยังได้รับความนิยมจากประชาชนอยู่นั้นไม่ใช่ประเด็น เพราะความสำคัญคือผลประโยชน์ของประเทศ ถ้านายกฯ ได้รับความนิยม แต่ข้าวและชาวนาไทยไม่มีอนาคต จะคุ้มกันหรือไม่
นายอภิสิทธิ์ยังแสดงความเป็นห่วงต่อท่าทีของรัฐบาลที่ไม่พยายามลดเงื่อนไขความขัดแย้งว่าอาจจะนำไปสู่ความรุนแรงในสังคมอีกครั้ง เพราะรัฐบาลไม่รีบแก้ปัญหาความบกพร่อง แต่กลับพยายามเล่นงานผู้ที่เกี่ยวข้องกับนำเสนอข้อมูล ถือเป็นเรื่องที่จะเพิ่มความอึดอัดในสังคมมากขึ้น อีกทั้งการที่รัฐบาลมีทัศนคติว่าเป็นคู่กรณีกับประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล ขณะที่ตำรวจมาเป็นคู่กรณีกับสื่อมวลชนจากการใช้ความรุนแรงในการชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม ยิ่งแสดงให้เห็นว่าสุดท้ายแล้วคำพูดของนายกรัฐมนตรีในเรื่องการปรองดองเป็นเพียงคำพูดจริงๆ เพราะยังไม่มีการดำเนินการที่บ่งบอกว่าเดินไปสู่การปรองดองที่แท้จริง
นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงกรณีที่กระทรวงการต่างประเทศจะลงนามยอมรับขอบเขตอำนาจของศาลอาญาระหว่างประเทศว่า ยังไม่ทราบข้อเสนอว่าคืออะไร แต่ที่ชัดเจนคือ หากจะรับเขตอำนาจศาลจะมีผลกระทบในแง่ของกฎหมายภายในประเทศที่ไม่สอดคล้องกับการรับเขตอำนาจศาล จึงค่อนข้างชัดว่าจำต้องขอความเห็นชอบจากสภาด้วย ขณะเดียวกัน ผลกระทบจากการรับอำนาจศาลนั้นก็กว้างไกล มีผลกระทบต่อประมุขของรัฐด้วย ซึ่งรัฐบาลต้องมีคำตอบว่าต้องการทำอะไร เพื่ออะไร เพราะถ้าจะรับเพียงเรื่องเดียวในกรณีการชุมนุมของคนเสื้อแดง ก็ต้องดูว่าทำได้จริงหรือไม่ เพราะตามธรรมนูญของศาลระบุชัดว่าจะรับเรื่องพิจารณาก็ต่อเมื่อกระบวนการยุติธรรมในประเทศนั้นๆ ไม่สามารถดำเนินการได้ ถ้ารัฐบาลดำเนินการดังกล่าวก็เท่ากับยอมรับว่ารัฐบาลไม่สามารถหรือไม่พร้อมดำเนินคดีนี้ตามกระบวนการยุติธรรมของไทย ศาลอาญาระหว่างประเทศจึงจะรับเรื่องนี้ไว้พิจารณา ตนถามว่าทำไมรัฐบาลไม่สามารถดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมกับตนและนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรีได้ ตรงกันข้าม คดีที่มีเหตุผลอย่างยิ่งที่ศาลอาญาระหว่างประเทศจะเข้ามาพิจารณา คือ การฆ่าตัดตอนยาเสพติด หรือบางกรณีในภาคใต้ เพราะไม่มีความมั่นใจว่าต้นทางของฝ่ายบริหารมีความสัมพันธ์กับผู้ที่ถูกกล่าวหา
“ผมคิดว่าสิ่งที่รัฐบาลทำสวนทางกันเพราะในขณะที่จะไปศาลอาญาระหว่างประเทศ แต่กระบวนการยุติธรรมในประเทศก็ยังเดินหน้าอยู่และจะออกกฎหมายนิรโทษกรรมด้วย จึงเห็นว่าทั้งหมดเป็นเรื่องการเมือง ไม่ได้มีหลักกฎหมาย หรือหลักคิดอะไรทั้งสิ้น รัฐบาลคิดแต่ว่าจะพูดกับคนเสื้อแดงอย่างไรเพื่อรักษาฐานมวลชน และนำมาเป็นส่วนหนึ่งเพื่อออกกฎหมายนิรโทษกรรมกับทุกคน ขณะเดียวกันก็ใช้หน่วยงานรัฐตั้งธงกลั่นแกล้งฝ่ายค้าน มีแต่เป้าหมายทางการเมือง จึงไม่มีหลักและสับสนไปหมดนอกจากนี้ยังมีความตั้งใจที่จะใช้มวลชนเป็นเครื่องมือด้วย แต่สุดท้ายแล้วยังมั่นใจว่าไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมายได้ ซึ่งผมหวังว่าประชาชนจะได้มองเห็นว่าสิ่งที่รัฐบาลทำมีความขัดแย้งในตัวก็สะท้อนให้เห็นแล้วถึงความจริงใจของรัฐบาล” นายอภิสิทธิ์กล่าว
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยังกล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ลงนามในคำสั่งถอดยศ ขณะนี้ยังไม่ได้รับเอกสาร และเตรียมจะดำเนินการตามกฎหมายเช่นเดียวกับกรณีมีคำสั่งปลดออกจากราชการ ทำในกรณีคำสั่งแรก และยืนยันว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.อ.สุกำพลไม่ได้เกิดจากการผูกใจเจ็บที่มีคำสั่งปลดตนออกจากราชการ แต่เป็นการปฏิบัติหน้าที่ตรวจสอบในฐานะฝ่ายค้านโดยนำความจริงมาเปิดเผย
“แต่สิ่งที่ พล.อ.อ.สุกำพลทำ ผมไม่ทราบจะเรียกว่าอะไร เช่น กำลังจะออกคำสั่งว่าทุกอย่างที่ผมเข้ารับราชการเป็นโมฆะไม่เคยเกิดขึ้นตั้งแต่ต้น ขณะเดียวกันก็เซ็นคำสั่งลงโทษผมปลดออกจากราชการไปแล้ว ถ้าผมไม่ได้เป็นข้าราชการมาตั้งแต่ต้น รมว.กลาโหมจะปลดได้อย่างไร สิ่งที่เกิดขึ้นก็ชัดเจนแล้วว่าทำไมจึงต้องปลดก่อน เนื่องจากหวังผลในเรื่องคุณสมบัติ ส.ส. แล้วจึงมาออกคำสั่งที่สองเป็นการกระทำที่ไม่สุจริต เพราะเป็นคำสั่งที่ขัดแย้งกันเอง ซึ่ง พล.อ.อ.สุกำพลจะต้องรับผิดชอบตามกฎหมายด้วย เพราะถ้าจะอ้างว่ามีคนเสนอมาแค่ใช้สามัญสำนึกก็รู้อยู่แล้วว่าขัดแย้งกันเองแต่ยังทำแสดงว่ามีเป้าหมาย” นายอภิสิทธิ์กล่าว