xs
xsm
sm
md
lg

“เพื่อไทย” กระเพื่อมหนัก “สุดารัตน์-ลิ่วล้อ” ยังแข็งข้อ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ข่าวปนคน คนปนข่าว

ยิ่งใกล้หมดวาระผู้ว่าฯ กทม. ก็ยิ่งเกิดความเคลื่อนไหวจนกลายเป็นแรงกระเพื่อมภายในพรรคเพื่อไทยมากขึ้นทุกที พลันที่สัญญาณเริ่มชัดเจน เห็นเค้าลางตัวผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ในนามพรรคเพื่อไทยว่าจะเป็น

“จูดี้” พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ

ส.ส.กทม.ตลอดจน ส.ก.และส.ข.เริ่มมีปฏิกิริยาแปลกๆ ออกมาตามหน้าสื่อมากขึ้น??

เป็นข่าวคราวต่อเนื่องในระยะนี้ทำนองว่า สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ พร้อมที่จะเป็นตัวเลือกให้พรรคเพื่อไทยพิจารณา ทั้งจากการปล่อยข่าว อ้างแหล่งข่าว จนในที่สุดลิ่วล้อลูกหาบ ต้องออกโรงมาพูดกันแบบไม่มิดเม้มว่าต้องการผลักดัน “เจ๊หน่อย” ลงชิงชัยในสนาม กทม.

แน่นอนว่า แรกเริ่มเดิมทีที่ “เจ๊หน่อย” พ้นโทษพันธนาการทางการเมือง หลุดจากกรงขังสมาชิกบ้านเลขที่ 111 ก็ต้องการเข้ามามีบทบาทในกระดานการเมืองเฉกเช่นอดีต ที่มีอำนาจบารมี เป็นเจ้าแม่ กทม.มาดั้งเดิม ตั้งแต่ยุคพรรคไทยรักไทยเรืองอำนาจ

เมื่อฟ้าเปิดแล้วก็ต้องการกลับเข้าสู่อำนาจโดยเร็ว คำตอบตรงนี้ชัดเจนตั้งแต่ตอนที่เกิดมหาอุทกภัย “สุดารัตน์” เสนอหน้ามาช่วยรัฐบาล ช่วยนายกฯ ปู แก้ไขปัญหาน้ำท่วมใน กทม. ด้วยเพราะมองว่าตัวเองคลุกคลีในพื้นที่ กทม.มานาน รู้ปัญหาดีไม่แพ้ผู้ใด

แต่ทว่าย่างก้าวคราวนั้นใครหลายคนมองว่าเป็นก้าวเดินที่ “ผิดพลาด”

เนื่องเพราะไปเทกแอ็กชัน พยายามสร้างบทบาทเด่นจนดูล้ำเส้น “ยิ่งลักษณ์” มากเกินไป ในที่สุดต้องโลว์โปรไฟล์ไปดื้อๆ เมื่อได้รับสัญญาณภายในว่า “ปูไม่ปลื้ม” บทบาทนายกฯนั่นก็ส่วนหนึ่ง บทบาทผู้หญิงนั่นก็อีกส่วนหนึ่ง ย่อมไม่อยากให้ใครมาโดดเด่นซ้อนทับจนตัวเองต้องมัวหมอง

การปรับ ครม.ครั้งล่าสุดก็ตอกย้ำชัดเจนว่า “เจ๊หน่อย” ไม่ได้อยู่ในตัวเลือกในสมาชิกบ้านเลขที่ 111 ที่จะต้องเร่งรีบกลับมา ไม่ได้อยู่ในลิสต์รายชื่อแคนดิเตด้วยซ้ำ ตอกย้ำซ้ำเติมถึงสถานภาพที่ด้อยค่า ราคาดิ่งวูบ ต้องอยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัว

“สุดารัตน์” เหลือบไปเหลือบมาก็พอจะมองเห็นทาง สนามเลือกตั้ง กทม.น่าจะเป็นทางเลือกที่คั่นเวลารอโอกาสกลับมายิ่งใหญ่ได้ดีที่สุด จึงพยายามสืบเสาะข้อมูลในเชิงลึกภายในพรรค ว่าแกนนำพรรคทั้งในและนอกประเทศกำลังคิดอ่านเรื่องนี้อย่างไร พร้อมเสนอตัวเองแบบเงียบๆ ไม่กระโตกกระตาก เพราะรู้ดีว่ามีใครหลายคนไม่ชอบหน้า เช่น “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”-“เฉลิม อยู่บำรุง”

สืบไปสืบมาจึงรู้ว่า การเดินแผนสู้ศึกเลือกตั้งกทม.ของพรรคเพื่อไทย ไม่ได้มีการหยิบยกชื่อเจ้าแม่ กทม.มาเป็นเงื่อนไขอะไรเลย แกนนำพรรคขับเคลื่อนด้วยนโยบายที่คิดทำกันเอง พร้อมเลือกเฟ้นตัวผู้สมัครกันเอง โดยไม่ปรึกษา

ไม่ให้ราคาภาค กทม.ที่มี “สุดารัตน์” กุมบังเหียนอยู่แต่อย่างใด ดังนั้นจึงเป็นไปได้ยากที่จะเลือกให้ “หญิงหน่อย” เป็นตัวแทนของพรรคลงสู้ศึกครั้งนี้

เมื่อความชัดเจนมีมากขึ้นเรื่อยๆ จนเกือบ 100% แล้วว่า “พงศพัศ” คือตัวเลือกของพรรคเพื่อไทย จึงเป็นที่มาของปฏิบัติการเขย่าขวด ปั่นป่วนภายใน แม้เจ้าตัวจะยอมรับว่าโอกาสได้ลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทยจะริบหรี่ หรือแทบเป็นศูนย์ แต่ก็ยังมีความหวังเล็กๆ อีกเฮือก

เพราะส่วนตัวกับ ทักษิณ ชินวัตร นายใหญ่นักโทษหลบหนีคดี ยังอี๋อ๋อรักกันดีอยู่ ติดแค่เพียงความสัมพันธ์กับคนใหญ่คนโตในประเทศ

จึงพยายามต่อสาย ดอดไปพบ อวดอ้างสรรพคุณตัวเอง ยกโพลที่ภาคกทม.ทำมากางให้นายใหญ่ชั่งตวงวัด บอกดังๆ ว่าคะแนนนิยมส่วนตัวดีกว่า “พงศพัศ” แน่นอน ฝากข้อสังเกตให้นายใหญ่ไปบอกน้องสาวและแกนนำคณะยุทธศาสตร์ภายในประเทศให้ใคร่ครวญให้ดี จะแพ้ตั้งแต่ในมุ้ง หรือเปลี่ยนใจมาเลือกอดีตเจ้าแม่ กทม.คนนี้!!

ทว่า “ทักษิณ” คงทำอะไรไม่ได้มากกว่าการเด้งเชือกไปมา เพราะชั่วโมงนี้ต้องปล่อยให้น้องสาว และเครือข่ายตัดสินใจเป็นหลัก ตัวเองมีหน้าที่ให้คำปรึกษา ถ้าเป็นทางสองแพร่งที่ไม่ได้บีบคั้นจนเกินไป ก็จำเป็นต้องให้น้องสาวเป็นคนตัดสินใจมากกว่า เนื่องเพราะน้องสาวต้องเป็นคนดูดซับแรงกระแทกมากกว่าตัวเอง หากไปเจ้ากี้เจ้าการมากจนน้องสาวน้อยใจย่อมไม่เป็นผลดีแน่ๆ

คำตอบนี้ “สุดารัตน์” วัวเคยขาม้าเคยขี่ ย่อมคิดไว้ในใจบ้างไม่มากก็น้อย และอาจต้องทำใจรับสภาพ กระนั้นบรรดาลิ่วล้อ ส.ส.กทม. รวมทั้ง ส.ก.และส.ข.อาจไม่เข้าใจและรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย เมื่อหัวขบวนไม่ได้รับบทบาทสำคัญ ไม่ได้รับการเหลียวแลอุ้มชูมากเท่าที่ควร

ซึ่งนั่นหมายความว่าตัวเองอาจจะลอยเคว้งคว้าง ไม่มีใครคุ้มกะลาหัว อาจถูกครอบงำจากใครก็ไม่รู้ หรืออาจถูกบงการจากคนที่ไม่ยอมรับ จึงต้องออกมาร้องแรกแหกกระเชอ ปั่นป่วนภายใน เพื่อเรียกร้องความสนใจ กระตุกแกนนำพรรครวมถึงนายกฯให้หันมาให้ความสำคัญ อย่ามองว่าภาค กทม.จะชี้นิ้วสั่งการอย่างไรก็ได้

หวั่นเกรงลึกๆ ว่า การให้ “พงศพัศ” เป็นตัวแทนลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. นั่นหมายความว่า “เฉลิม” จะก้าวเข้ามาเป็นผู้นำภาค กทม.แทนแล้วกระนั้นหรือ หลายคนยังทำใจยอมรับไม่ได้ บางรายหนักข้อถึงขั้นไม่ยอมรับ

จึงเป็นที่มาของปฏิบัติปล่อยข่าว สร้างข่าว เพื่อรักษาฐานที่มั่นของเจ้าแม่ กทม. บอกเป็นนัยว่าภาค กทม.ไม่ได้เป็นลิ่วล้อที่จะสั่งการอย่างไรก็ได้ อย่างน้อยๆ ต้องมาคุยกันบ้าง หารือกันบ้าง ทำเหมือนเป็นหัวหลักหัวตออย่างนี้ต้องมีการเทคแอ๊คชั่นให้เข้าใจเหมือนกัน

ท้ายที่สุดหากพรรคเพื่อไทยเลือก “พงศพัศ” ลุยสนาม กทม.จริงๆ ก็ต้องมาปรึกษา หาแนวทางสู้ศึกจากภาคกทม.ด้วยเช่นกัน อย่างน้อยๆ ก็ให้คนที่ภาคกทม.เลือกสรรเป็นทีมรองผู้ว่าฯ ต้องมีบทบาทอย่างมีนัยสำคัญในภาค กทม.เหมือนอย่างที่เคยเป็นมา

ถ้าหากไม่ให้ราคาแบบนี้ ก็อาจต้องงัดมาตรการข่มขู่มาต่อสู้ เพราะชั่วโมงนี้ภาค กทม.ก็ไม่ได้ถือไพ่ด้อยกว่าแต่อย่างใด พรรคเพื่อไทยถ้าขาด ส.ส.กทม.ที่อิงแอบอยู่กับ “สุดารัตน์” ก็ยังไม่รู้จะเอาภาคส่วนไหนมาทดแทนให้ไม่ด้อยกว่าที่เป็นอยู่เหมือนกัน

หากไม่ให้ค่าไม่ให้ราคา อาจงัดมาตรการขั้นแตกหัก ขู่ย้ายพรรคไปตั้งสังกัดใหม่ หรือทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ครั้งนี้ ไม่หือไม่อือ ไม่ช่วยหาเสียงให้มันรู้แล้วรู้รอดไป

เพราะชั่วโมงนี้ทุกฝ่ายในพรรคประเมินตรงกันว่า “พงศพัศ” คะแนนยังเป็นรอง “มรว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร” ผู้ว่าฯ กทม.คนปัจจุบัน จากค่ายพรรคประชาธิปัตย์ อยู่หลายขุม!!
กำลังโหลดความคิดเห็น